ผมเดินเข้ามาที่บ้านพักเพื่อเตรียมตัวเก็บของเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ในเช้าวันจันทร์หลังจากมีงานเลี้ยงเมื่อคืน เห็นตี๋กับพี่เล็กนอนกันอยู่บนเตียง คุณบัญญัตินอนขดตัวอยู่บนพื้นที่มุมห้องด้านใน
ของต่าง ๆ ถูกวางระเกะระกะเต็มห้องไปหมด ตี๋ผงกหัวขึ้นมามองผมแล้วแล้วพูดขึ้น
“เมื่อคืนเหมือนจะมีฝนตกน่ะพี่หน่อง เค้าเลยเก็บของเข้ามาไว้ที่ห้อง”
ผมผงกหัวรับทราบและเริ่มเก็บของใช้ส่วนตัวเข้าเป้เสื้อผ้าใบเก่ง
จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้าให้สดชื่น เช้านี้อากาศสดใสจนผมไม่รู้เลยว่า
เมื่อคืนมีฝนตกที่ค่าย ที่ลานกางเต๊นท์ ดร ท๊อป เอกกี้ แชมป์
แอมก็กำลังช่วยกันเก็บเต๊นท์ 3 หลังที่พวกเราอาศัยนอนกันมา 2
คืน
ผมเข้าไปเก็บของในเต๊นท์เข้าเป้ใบเล็กที่ใช้หนุนหัวนอนจึงรู้ว่าเหล้าที่เตรียมมานั้นเหลือเพียงขวดเดียว
จากที่เตรียมมาทั้งหมด 3 ขวด “แชมป์
เหล้าไปไหนขวดนึง” “อ๋อ
พี่หน่อง เมื่อคืนผมมาหยิบไปกินกับเพื่อน ๆ น่ะ” ผมรับฟังแล้วก็คิดว่าเพื่อน ๆ
ของแชมป์น่าจะเป็นปลา ต้อ แอม เอกกี้แน่ ๆ
เพราะดูเหมือนว่าเมื่อคืนแชมป์จะประสานงานงานและอำนวยความสะดวกให้กับสาวๆ ชาวค่ายเป็นพิเศษ
แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เลยแกล้งพูดกับแชมป์ว่า “ทำไมไม่เห็นปลุกพี่ไปร่วมวงด้วยล่ะ
พี่รอจนหลับไปเลย” “โธ่
พี่หน่อง ผมปลุกพี่แล้ว แต่พี่ไม่ตื่นน่ะสิ” แชมป์เอาตัวรอดไปตามสไตล์
และเพราะว่าคุ้นกันมานานผมเลยหัวเราะด้วยความเข้าใจ แก่ ๆ อย่างผม ไปร่วมด้วย
บรรยากาศมันจะไม่สดชื่นสมวัย แล้วพาลจะทำให้แชมป์ออกลีลาไม่ได้มากซะเปล่า ๆ
จากนั้นผมจึงเดินไปหยิบกล้องถ่ายรูป มาถ่ายรูปรอบ ๆ ลานกางเต๊นท์ กั้ง แอน เฮง เจย์ กำลังเก็บเต๊นท์หลังใหญ่
ต้อเดินป้วนเปี้ยนไปมาบริเวณนั้นด้วย ผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย “เอ ต้อเค้าพักอยู่แถวนี้ด้วยหรือ ทำไมผมไม่เคยรู้เลย
หรือเพราะว่าสนิทสนมกับบั๊ดดี้” ทันใดนั้น ภาพงานเมื่อคืนก็ไหลออกมาจากห้วงความคิด
เอกกับต้อถูกจับให้เป็นบั๊ดดี้กัน เพราะต่างคนต่างไม่มีบั๊ดดี้เนื่องจากกลับกันไปก่อนแล้ว
หนุ่มกระดุมเดินอวดตุ๊กตาลิงน่ารักที่ได้รับจากน้องหนิง
วนไป วนมารอบลานกางเต๊นท์ ข้าง ๆ
ตัวก็มีห่อผ้า ซึ่งดุมใช้ผ้าขาวม้าลายขาวสลับแดงห่อและสะพาย ผมดูแล้วคล้าย ๆ
ผู้โดยสารที่มาลงจากรถแถวๆ หมอชิต 2 และมองหาแท๊กซี่เพื่อไปเยี่ยมญาติในเมืองกรุง ส่วนตุ๊กตาลิงกับกระดุม ผมคิดขำ ๆ คนเดียวว่า
คล้าย ๆ
พ่อลิงตัวใหญ่อุ้มลูกน้อยแสนหวงเดินออกมารับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า “…ร้องเรียกหา
ว่ามารับลูกลิง แม่ถูกยิง พ่อลิงมารับไป…” ช่างเข้ากับเพลงลิงทะโมนของพงษ์เทพจริง
ๆ ผมยิ้มคนเดียวแบบขัน ๆ แล้วจึงเดินไปบอกดุมว่า ดุม พี่ขอถ่ายรูปหน่อยสิ น่ารักดี” กระดุมก็รับทราบและตั้งท่าให้ผมเก็บภาพประทับใจ
เออ ดู ๆ ดุมกับลิงมันเข้ากันดีเหมือนกันแฮะ
พอทุกอย่างเรียบร้อย
ผมเดินลงจากเนินเพื่อไปทานข้าวเช้าก่อน เห็นบั๊ดดี้ สลึมสลือ โผล่หน้าออกมาจากเต๊นท์แถวๆ
อาคารของป่าไม้ เลยร้องทัก “อ้าว บั๊ดดี้พี่
ไปทานข้าวกันได้แล้ว” “ค่า พี่บั๊ดดี้” เสียงงัวเงียตอบรับมาเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นจากน้องเกด
กระดุมเดินตามผมมาพร้อมพี่เล็ก และตี๋ ผมเพิ่งได้คุยจริง
ๆ จังกับดุมเช้านี้เอง 2 วันที่ผ่านมาสิ่งที่ทำให้ผมจำดุมได้คือ 1. ดุมไม่ดื่ม
เพราะเข้าพรรษา 2. ผสมปูนใหม่
ปูนยังใช้ไม่ได้ ระหว่างสนทนาดุมบอกผมว่า
“พี่หน่อง ดุมมีคำสอนหนึ่งจะบอกพี่นะ ดุมใช้ประจำเลย ถ้าพี่จะทะเลาะกับหัวหน้า ให้ไปกัดกับหมาดีกว่า”
ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ
เพราะดูๆ แล้วดุมน่าจะไปกัดกับหมีดีกว่า เพราะตัวใหญ่แบกน้ำหนักมาก ถ้าไปกัดกับหมา
มันจะเป็นการเอาเปรียบหมามากเกินไป
เมื่อไปถึงที่ก่อสร้างซึ่งเรียบร้อยสวยงามตามแบบชาวค่าย ผมเห็นหลาย ๆ คนกำลังเก็บภาพประทับใจ
ทุกคนดูแจ่มใส แต่งตัวด้วยเสื้อ ภูลังกาสีขาวตุ่น ๆ แขนยาวสีเขียวอ่อน
มีตัวหนังสือปะด้านหน้าว่า “สวัสดีภูลังกา”
แลดูสวยงามทีเดียว ผมเดินไปกินข้าวที่เตรียมไว้ เช้านี้ไข่เจียวกับหน่อไม้น้ำพริกกะปิ
ช่วยให้รู้ว่าอะไร ๆ ก็อร่อยถ้าเรากินกันเวลาหิวมาก ๆ เมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วก็ทยอยเดินกันไปที่หน้างานเพื่อถ่ายรูปหมู่กันก่อนกลับ
ทันใดนั้นเสียงใส ๆ จากน้องเกดก็มาบอกข้าง
ๆ ผมว่า “พี่บั๊ดดี้เดี๋ยว เกดขอถ่ายรูปด้วยนะคะ” “เอาสิ” ผมตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะยังไม่มีรูปกับน้องบั๊ดดี้คนนี้เลย
เมื่อถ่ายรูปธรรมดาเสร็จ น้องเกด ก็ขอแบบ กระโดดอีก 2 รูป
ผมก็ไม่เกี่ยง ทั้ง ๆ ที่การกระโดด อาจะเป็นอันตรายต่อกระดูกในชายสูงวัย เมื่อได้รูปพอใจแล้ว ผมเห็นเกด
เดินไปถ่ายรูปกับ เฮือง พี่ปู กุ้ง
ซึ่งเป็นการกระโดดถ่ายเหมือนกัน ทั้ง 4 คนเมื่อถ่ายเสร็จ เฮือง เดินมาบอกช่างภาพว่า “เช็ค เช็ค เช็ค จั๊ม เช็ค จั๊ม” ช่างภาพก็งง งง ว่าเฮืองพูดอะไร
แต่สุดท้ายก็เข้าใจว่า ขอตรวจดูภาพกระโดดที่เพิ่งถ่ายกันไป ผมงี้ขำน้ำตาไหลเลยกับการสื่อสารของทั้งคู่
เมื่อทุกคนถ่ายรูปจนพอใจแล้ว เราก็มารวมกลุ่มถ่ายรูปหมู่จนเสร็จบนพื้นที่เทเรียบร้อย
จากนั้นก็เดินไปรอรถตู้ที่จะมารับที่ถนนด้านล่าง แอนหักกิ่งมะขามป้อมลงไปด้วย
นัยว่าจะเอาไปดูที่บ้าน เมื่อเดินไปถึงถนน
พวกเราก็จับกลุ่มถ่ายรูประหว่างรอรถ ผมเชิญหนูเล็กกับจุ๋มมาถ่ายรูปคู่กันเพราะเห็นแววโพสท่าแล้วใช้ได้
แต่ต้องมีผ้ากันอ้วนปิดขาหนูเล็กนิดหน่อย กลุ่มทอย เอ๊กซ์ แนท
เกดขับมอเตอร์ไซด์ลงไปก่อนเป็นกลุ่มแรก จากนั้นก็ป็นพวกเราที่ทยอยกันขึ้นรถตู้
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มเดินทางกลับบ้าน ผมนั่งอยู่ด้านหลังรถตู้หันไปมงภูลังกาที่ค่อย ๆ
ไกลออกไป ใจหนึ่งก็ดีใจที่งานสำเร็จได้กลับบ้านเสียที
แต่อีกใจก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน
เพราะก่อนมาผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีความประทับใจที่นี่เท่าไรนัก แต่พอเสร็จงานแล้วทำไมมันเหมือนผมถูกมนต์ขลังของค่ายนี้ครอบงำในจิตใจเข้าจนได้
สงสัยต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนทีเดียวกว่าจะกลับสู่สภาวะ ปกติ …
25
ตุลาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น