วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บันทึกภูลังกา-XIV-ใต้แสงจันทร์นวล


            หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดทำงานโดยที่ยังไม่อาบน้ำ เนื่องจากมีคนบอกว่า น้ำไม่ไหล แต่ที่จริงน่าจะมาจากการที่คุณบัญญัติต้องการให้พวกเรารีบลงไปเข้าพิธี บายศรีสู่ขวัญกันมากกว่า ผมจึงรีบเดินลงจากเนินด้านบนมากับน้องตี๋ พี่เล็ก เพื่อมารอเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญด้านล่างร่วมกับเพื่อน ๆ ชาวค่ายคนอื่น ๆ  เบื้องบนพระจันทร์เริ่มขึ้นมาทางทิศตะวันออกแล้ว แสงจันทร์คืนนี้แลดูนวลสวยงามกระจ่างไปทั้งท้องฟ้า บางช่วงอาจจะมีเมฆมาบังบ้าง แต่ไม่นานนักเมฆก็ลอยผ่านเลยไป เหมือนกับมาทักทาย แล้วก็จากลา ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันจากลาของพวกเราเช่นเดียวกัน ที่ลานกว้างด้านล่างมีพ่อหมอและแม่หมอที่เป็นเหมือนผู้ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน 2 คนมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้พวกเรา ซึ่งสิ่งสำคัญที่ผมจำได้แม่นยำก็คือ ต้องกุมไข่ต้มไว้ในมือขณะที่มีคนผูกข้อมือเพื่อรับขวัญ เมื่อฟังคำอธิบายจากหัวหน้าหมู่บ้านจบ ทุกคนก็ทยอยเข้าไป ให้พ่อหมอ แม่หมอผูกข้อมือ โดยเริ่มจากพี่หนุ่ยเป็นคนแรกและครอบครัว จากนั้นก็เป็นพวกเราที่ทยอยเข้าไปรับการผูกขวัญ ผมให้แม่หมอผูกข้อมือให้ จากนั้นก็รอให้พ่อหมอผูกรับขวัญต่อ แต่ดูเหมือนว่าพ่อหมอจะคิวยาวเหลือเกิน จึงไม่มีโอกาสได้ผูกข้อมือซักที  พี่บั๊ดดี้ ผูกข้อมือให้หน่อยสิ น้องเกดส่งเสียงใส ๆ มาก่อนเดินมาถึง มีไข่หรือยัง ถ้ายังไปเตรียมไข่มา ผมตอบน้องเกดออกไปอย่างรวดเร็ว น้องเกดเตรียมไข่มาแล้วผมจึงผูกข้อมือให้และอวยพรสิ่งดี ๆ ไปให้บั๊ดดี้ของผม จากนั้นก็เป็นหนูเล็ก พยาบาลจุ๋มที่มาขอให้ผูกข้อมือให้ แล้วสุดท้ายก็น้องตี๋ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ผมให้ผูกข้อมือให้คือพี่เล็ก  เมื่อผูกข้อมือกันเสร็จก็ได้กินข้าวกัน ผมหิวโซมาตั้งแต่เย็นเลยไม่ค่อยได้สนใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว และระหว่างนั้นก็มีการแสดงของเด็ก ๆ ชาวเขามาให้ชื่นชม เพลงหนึ่งที่ผมจำได้เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ คือเพลง เทพธิดาดอย ซึ่งพอเพลงบรรเลง เด็ก ๆ ก็ออกท่วงท่าให้เข้ากับจังหวะที่ไพเราะ เมื่อจบการแสดงก็มีการมอบของรางวัลให้กับเด็กๆ และมอบเงินให้กับพี่หนุ่ย ซึ่งผมได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนไปมอบ
          เมื่อพิธีต่าง  ๆ จบลงแล้วก็เป็นงานรื่นเริงของพวกเราชาวค่ายกันต่อ ผมออกไปเป็นพิธีกรคู่กับเอก ฝ่ายดรก็นั่งคุมเรื่องเสียง เครื่องดนตรี เอาล่ะครับ วันนี้ใครมาค่ายเป็นครั้งแรก และมีป้ายคล้องคอ ขอให้ออกมาด้านหน้าเดี๋ยวนี้เลย”  ผมบอกกับน้องๆ ในค่ายเพื่อจะหาคนมาเล่นเกมส์และแจกเสื้อให้กับน้อง ๆ และเพราะมีคนมาก แต่เสื้อมีน้อย ผมจึงใช้วิธีแบ่งกลุ่มเล่นเกมส์ โดยเป็นเกมส์ทายตัวเลข รบกวนพี่บัญญัติของเรา เขียนตัวเลขมา 1  ตัวครับ อะไรก็ได้ จาก  1  ถึง 100”  ผมร้องบอกให้คุณบัญญัติเขียนตัวเลข ลงในกระดาษเล็ก ๆ แล้วให้เอกเก็บไว้ จากนั้นจึงเริ่มทายกันไป ซึ่งถ้าบอกผิดก็จะตัดตัวเลขออกไป จนกระทั่งมาถึงกลุ่มน้องต้อที่ทายว่า  “17 ค่ะ นั่นแหละ จึงได้ผู้ชนะ จากนั้น ก็เป็นการเปิดตัวบั๊ดดี้และมอบของที่ระลึกให้แก่กัน  ระหว่างเปิดตัวผมก็เล่นเกมส์แจวเรือ แจว ม้าแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลหลึกหนึกถึงคนแจว เอ้า แจว ม้าแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลหลึกหนึกถึงคนแจว เรืออะไรลอยมาช้าจริง เรืออะไรลอยมาช้าจริง ขอเชิญ ลุกขึ้นมาแจว”  พอเอ่ยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคนในค่ายเพื่อให้แจว ก็ต้องแจวกันไป  จากนั้นผมก็ร้องเพลงรำวง เพื่อให้ชาวค่ายออกมารำรอบ ๆ กันทั้งหมด  ผมเหลือบไปเห็นพระจันทร์สวยเลยร้องขึ้นมาว่า  เดือน ดารา เด่นบนฟ้า นภาขาวผ่อง เด่นบนฟ้าน่ามอง เชิญจับจอง คู่รักเหมือนว่า เชิญจับจองคู่รักเหมือนว่า…”  พวกเราทุกคนก็ออกมารำวงรอบ  ๆ   เมื่อร้องและรำจนพอหายเมื่อยแล้ว ผมก็มาเฉลยบั๊ดดี้ต่อไปอีก  การเฉลยบั๊ดดี้สิ่งที่เป็นของที่ระลึกในครั้งนี้ผมเห็นทีม มหพันธ์ หอบกระเป๋าไม้ฝาเชอร่ามากันแทบทุกคน ไม่รู้ว่าเวียนกันใช้หรือเปล่า แต่สาวๆ เค้าเตรียมของกระจุ๋มกระจิ๋มใช้ได้จริง ๆ มาให้เยอะเหมือนกัน อย่างเช่น หนิงให้ตุ๊กตาลิงกับกระดุม ต้อให้นาฬิกาปลุกกับเอกกี้ ผมได้ขนมกาละแมจากน้องเกด ได้แล้วก็นึกขำให้กับตัวเอง เพราะเมื่อ เดือนก่อนผมเพิ่งจะแบกถาดขนมกาละแมไปขอลูกสาวเค้ามาเป็นคู่ชีวิตสดๆ ร้อนๆ   และยังจำรสชาติกาละแมได้อยู่เลย  ส่วนผมให้ที่ติดตู้เย็นน้องเกดไปเป็นที่ระลึก แชมป์ แอม เอก ให้เทียนกับบั๊ดดี้ สามหนุ่มนี่ไม่รู้ว่าเลียนแบบกันมาหรือเปล่า แต่เห็นแล้วก็ให้คันในหัวใจประมาณว่า เอากุ้งฝอยไปตกปลากระพงโดยเฉพาะเอกกี้นี่แหละ ตัวดีเลย  จากนั้นก็มีเชิญคนออกมาร้องเพลงด้วยกัน ผมเชิญจุ๋ม แอน ออกมาร้องเพลง บางเพลงที่เห็นน้อง ๆ ร้องได้ก็จะยื่นไมค์ไปให้ร้องเลยเช่นเงี๊ยบ เมื่อเปิดตัวบั๊ดดี้เสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวกินเหล้า พูดคุยกันในกลุ่ม ส่วนผมตัดสินใจจะกลับเข้าไปนอน เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พี่หน่องคะ ปลาจะขอยืมที่ชาร์จแบตไอโฟนน่ะค่ะ น้องปลาเข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้วพูดขึ้น พี่ฝากให้แชมป์ไปแล้วครับ ปลาไปทวงกับแชมป์ได้เลย จากนั้นจึงเดินออกไปนอนที่เต๊นท์ บนเนินที่สูงขึ้นไป 

“ … เจ้าช่อมาลี ดึกดื่นอย่างนี้  เจ้านอนไม่หลับ  อีกนาน ก็ยังไม่กลับ  คงตาต่อตา กับใครต่อใคร เจ้าช่อมาลี ยิ่งดึกยิ่งแย้ม  ยิ่งบานกันใหญ่  เจ้าคง ไม่รู้อะไร ว่าทำให้ใคร เขารอทั้งคืน…”  เสียงเพลงใส ๆ จากน้องในค่ายแว่วดังตามหลังมาทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ว่า   “เจ้าช่อมาลี คนดีของพี่ พี่จากมา 2  วันแล้ว ป่านนี้ยังรอพี่อยู่หรือเปล่าหนอ…”  


24 ตุลาคม 2554

ต้นจำปูนหลังบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น