หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดทำงานโดยที่ยังไม่อาบน้ำ
เนื่องจากมีคนบอกว่า น้ำไม่ไหล
แต่ที่จริงน่าจะมาจากการที่คุณบัญญัติต้องการให้พวกเรารีบลงไปเข้าพิธี
บายศรีสู่ขวัญกันมากกว่า ผมจึงรีบเดินลงจากเนินด้านบนมากับน้องตี๋ พี่เล็ก เพื่อมารอเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญด้านล่างร่วมกับเพื่อน
ๆ ชาวค่ายคนอื่น ๆ
เบื้องบนพระจันทร์เริ่มขึ้นมาทางทิศตะวันออกแล้ว
แสงจันทร์คืนนี้แลดูนวลสวยงามกระจ่างไปทั้งท้องฟ้า บางช่วงอาจจะมีเมฆมาบังบ้าง
แต่ไม่นานนักเมฆก็ลอยผ่านเลยไป เหมือนกับมาทักทาย แล้วก็จากลา ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันจากลาของพวกเราเช่นเดียวกัน
ที่ลานกว้างด้านล่างมีพ่อหมอและแม่หมอที่เป็นเหมือนผู้ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน 2
คนมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้พวกเรา ซึ่งสิ่งสำคัญที่ผมจำได้แม่นยำก็คือ
ต้องกุมไข่ต้มไว้ในมือขณะที่มีคนผูกข้อมือเพื่อรับขวัญ เมื่อฟังคำอธิบายจากหัวหน้าหมู่บ้านจบ
ทุกคนก็ทยอยเข้าไป ให้พ่อหมอ แม่หมอผูกข้อมือ
โดยเริ่มจากพี่หนุ่ยเป็นคนแรกและครอบครัว จากนั้นก็เป็นพวกเราที่ทยอยเข้าไปรับการผูกขวัญ
ผมให้แม่หมอผูกข้อมือให้ จากนั้นก็รอให้พ่อหมอผูกรับขวัญต่อ
แต่ดูเหมือนว่าพ่อหมอจะคิวยาวเหลือเกิน จึงไม่มีโอกาสได้ผูกข้อมือซักที “พี่บั๊ดดี้
ผูกข้อมือให้หน่อยสิ” น้องเกดส่งเสียงใส ๆ มาก่อนเดินมาถึง “มีไข่หรือยัง ถ้ายังไปเตรียมไข่มา” ผมตอบน้องเกดออกไปอย่างรวดเร็ว
น้องเกดเตรียมไข่มาแล้วผมจึงผูกข้อมือให้และอวยพรสิ่งดี ๆ ไปให้บั๊ดดี้ของผม
จากนั้นก็เป็นหนูเล็ก พยาบาลจุ๋มที่มาขอให้ผูกข้อมือให้ แล้วสุดท้ายก็น้องตี๋
ส่วนอีกคนหนึ่งที่ผมให้ผูกข้อมือให้คือพี่เล็ก
เมื่อผูกข้อมือกันเสร็จก็ได้กินข้าวกัน ผมหิวโซมาตั้งแต่เย็นเลยไม่ค่อยได้สนใจอะไร
ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว และระหว่างนั้นก็มีการแสดงของเด็ก ๆ ชาวเขามาให้ชื่นชม
เพลงหนึ่งที่ผมจำได้เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ คือเพลง เทพธิดาดอย
ซึ่งพอเพลงบรรเลง เด็ก ๆ ก็ออกท่วงท่าให้เข้ากับจังหวะที่ไพเราะ เมื่อจบการแสดงก็มีการมอบของรางวัลให้กับเด็กๆ
และมอบเงินให้กับพี่หนุ่ย ซึ่งผมได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนไปมอบ
เมื่อพิธีต่าง ๆ
จบลงแล้วก็เป็นงานรื่นเริงของพวกเราชาวค่ายกันต่อ ผมออกไปเป็นพิธีกรคู่กับเอก
ฝ่ายดรก็นั่งคุมเรื่องเสียง เครื่องดนตรี “เอาล่ะครับ
วันนี้ใครมาค่ายเป็นครั้งแรก และมีป้ายคล้องคอ ขอให้ออกมาด้านหน้าเดี๋ยวนี้เลย” ผมบอกกับน้องๆ
ในค่ายเพื่อจะหาคนมาเล่นเกมส์และแจกเสื้อให้กับน้อง ๆ และเพราะมีคนมาก แต่เสื้อมีน้อย
ผมจึงใช้วิธีแบ่งกลุ่มเล่นเกมส์ โดยเป็นเกมส์ทายตัวเลข “รบกวนพี่บัญญัติของเรา
เขียนตัวเลขมา 1 ตัวครับ อะไรก็ได้ จาก 1 ถึง 100” ผมร้องบอกให้คุณบัญญัติเขียนตัวเลข ลงในกระดาษเล็ก
ๆ แล้วให้เอกเก็บไว้ จากนั้นจึงเริ่มทายกันไป ซึ่งถ้าบอกผิดก็จะตัดตัวเลขออกไป
จนกระทั่งมาถึงกลุ่มน้องต้อที่ทายว่า “17
ค่ะ” นั่นแหละ จึงได้ผู้ชนะ จากนั้น
ก็เป็นการเปิดตัวบั๊ดดี้และมอบของที่ระลึกให้แก่กัน ระหว่างเปิดตัวผมก็เล่นเกมส์แจวเรือ “แจว ม้าแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลหลึกหนึกถึงคนแจว เอ้า แจว ม้าแจวจ้ำจึก
น้ำนิ่งไหลหลึกหนึกถึงคนแจว เรืออะไรลอยมาช้าจริง เรืออะไรลอยมาช้าจริง ขอเชิญ… ลุกขึ้นมาแจว” พอเอ่ยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคนในค่ายเพื่อให้แจว ก็ต้องแจวกันไป จากนั้นผมก็ร้องเพลงรำวง เพื่อให้ชาวค่ายออกมารำรอบ
ๆ กันทั้งหมด
ผมเหลือบไปเห็นพระจันทร์สวยเลยร้องขึ้นมาว่า “เดือน ดารา เด่นบนฟ้า
นภาขาวผ่อง เด่นบนฟ้าน่ามอง เชิญจับจอง คู่รักเหมือนว่า เชิญจับจองคู่รักเหมือนว่า…”
พวกเราทุกคนก็ออกมารำวงรอบ ๆ เมื่อร้องและรำจนพอหายเมื่อยแล้ว
ผมก็มาเฉลยบั๊ดดี้ต่อไปอีก การเฉลยบั๊ดดี้สิ่งที่เป็นของที่ระลึกในครั้งนี้ผมเห็นทีม
มหพันธ์ หอบกระเป๋าไม้ฝาเชอร่ามากันแทบทุกคน ไม่รู้ว่าเวียนกันใช้หรือเปล่า
แต่สาวๆ เค้าเตรียมของกระจุ๋มกระจิ๋มใช้ได้จริง ๆ มาให้เยอะเหมือนกัน อย่างเช่น
หนิงให้ตุ๊กตาลิงกับกระดุม ต้อให้นาฬิกาปลุกกับเอกกี้ ผมได้ขนมกาละแมจากน้องเกด ได้แล้วก็นึกขำให้กับตัวเอง
เพราะเมื่อ 2 เดือนก่อนผมเพิ่งจะแบกถาดขนมกาละแมไปขอลูกสาวเค้ามาเป็นคู่ชีวิตสดๆ
ร้อนๆ และยังจำรสชาติกาละแมได้อยู่เลย ส่วนผมให้ที่ติดตู้เย็นน้องเกดไปเป็นที่ระลึก แชมป์
แอม เอก ให้เทียนกับบั๊ดดี้ สามหนุ่มนี่ไม่รู้ว่าเลียนแบบกันมาหรือเปล่า
แต่เห็นแล้วก็ให้คันในหัวใจประมาณว่า เอากุ้งฝอยไปตกปลากระพงโดยเฉพาะเอกกี้นี่แหละ
ตัวดีเลย จากนั้นก็มีเชิญคนออกมาร้องเพลงด้วยกัน
ผมเชิญจุ๋ม แอน ออกมาร้องเพลง บางเพลงที่เห็นน้อง ๆ ร้องได้ก็จะยื่นไมค์ไปให้ร้องเลยเช่นเงี๊ยบ
เมื่อเปิดตัวบั๊ดดี้เสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวกินเหล้า
พูดคุยกันในกลุ่ม ส่วนผมตัดสินใจจะกลับเข้าไปนอน เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน “พี่หน่องคะ ปลาจะขอยืมที่ชาร์จแบตไอโฟนน่ะค่ะ” น้องปลาเข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้วพูดขึ้น
พี่ฝากให้แชมป์ไปแล้วครับ ปลาไปทวงกับแชมป์ได้เลย จากนั้นจึงเดินออกไปนอนที่เต๊นท์
บนเนินที่สูงขึ้นไป
“ … เจ้าช่อมาลี
ดึกดื่นอย่างนี้ เจ้านอนไม่หลับ อีกนาน ก็ยังไม่กลับ คงตาต่อตา กับใครต่อใคร เจ้าช่อมาลี
ยิ่งดึกยิ่งแย้ม ยิ่งบานกันใหญ่ เจ้าคง ไม่รู้อะไร ว่าทำให้ใคร เขารอทั้งคืน…”
เสียงเพลงใส ๆ
จากน้องในค่ายแว่วดังตามหลังมาทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ว่า “เจ้าช่อมาลี คนดีของพี่ พี่จากมา
2 วันแล้ว ป่านนี้ยังรอพี่อยู่หรือเปล่าหนอ…”
24
ตุลาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น