วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บันทึกภูลังกา-IX-ขึ้นภู

            เสียงสายฝนตกลงมากระทบหลังคาเต๊นท์ที่ผมอาศัยนอนพักกับดรช่วงตี 4  ปลุกให้ผมลืมตาขึ้น  เสียงนาฬิกาปลุกที่ดรตั้งไว้ก็ดังขึ้นพร้อมกัน ดรตื่นขึ้นมาและปิดเสียงนาฬิกาปลุก  ผมลืมตาในความมืดคิดชั่งใจว่าจะออกไปเตรียมตัวเพื่อขึ้นภูลังกาหรือจะนอนหลับไปจนเช้าดี  ไม่นานนักก็มีข่าวมาว่าคุณบัญญัติและทีมงานจะออกไปสำรวจเส้นทางก่อนว่ามีความปลอดภัยในการเดินทางพอหรือเปล่า คุณบัญญัติจะรับผิดชอบชีวิตเราชาวค่ายทุกคนอย่างยิ่งยวด ในทุก ๆ ครั้งที่ออกค่ายกันมา เป็นเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ โต้งคงออกไปช่วยคุณบัญญัติด้วย  ผมหลับตาลงอีกครั้ง เพื่อรอเวลาแห่งการผจญภัยครั้งใหม่ แชมป์ ไปส่งพี่เข้าห้องน้ำหน่อยเสียงเอกกี้ดังมาจากเต๊นท์ข้าง ๆ   ฟังน้ำเสียงแล้วก็พอจะเดาได้ว่า เอกกำลังฮัมเพลง สุขาอยู่หนใด ด้วยใจรัญจวนอยู่แน่ๆ   ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง   เกือบตี 5  แล้ว มีข่าวมาว่าสามารถขึ้นภูลังกาได้  จึงค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ  ระหว่างทางที่ยังมืด ๆ ผมเจอแชมป์ซึ่งไปส่งเอกเรียบร้อยแล้วจึงชวนกันไปอาบน้ำด้วยกัน พี่หน่องเอาไฟฉายผมไปสิ ผมยืมพี่แอนมาผมรับไฟฉายมา และนำมาเปิดในห้องน้ำ  ตัวหนังสือดำบนพื้นทองเขียนไว้ว่า ที่ระลึกงานฌาปณกิจศพ …   เออ สงสัยดวงเราจะสมพงษ์กับเรื่องแบบนี้มั้ง มันเป็นไฟฉายอันเดียวกันกับที่เฮงให้ผมยืมมื่อหัวค่ำ ผมทำเป็นไม่สนใจ อาบน้ำและทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ บรรยากาศเช้ามืดวันนั้นทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเอกกี้จึงต้องการแชมป์มาเป็นเพื่อนด้วย มันออกจะวังเวงชวนให้คิดอะไรที่ไม่ควรคิดถึงเวลามืด ๆ ได้เลย

                น้องโน๊ต นำรถกระบะมารับพวกเราเพื่อนำไปส่งต่อให้คุณบัญญัติ ที่ทางขึ้นภู คนที่ร่วมเดินทางไปในชุดผมก็มี ดร ท๊อป แอม เอกกี้ แชมป์ เปรม เราจะขึ้นกันไปถึงไหนน่ะผมถามน้อง ๆ เมื่อลงจากรถโน๊ต เพื่อรอให้แดงน้อยมารับ เพราะคิดว่าคงเป็นระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก”  “ตรงยอดเขานั้นไงพี่หน่อง”  ท๊อปบอกผมพร้อมทั้งชี้มือให้ดูยอดภูที่สูงออกไปไกลลิบ ผมแอบถอนหายใจเพราะรู้ว่าระยะทางมันไม่ใช้ใกล้ ๆ เลย ทั้งยังต้องขึ้นเขาที่สูงชันอีกด้วย แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง งานถมพื้นเมื่อวาน ดึงเอาพลังผมไปมาก แต่คิดว่าเดินขึ้นภูลังกามีน้อง ๆ ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาหลายค่ายคงไม่ทิ้งผมแน่ ๆ  รอไม่นานนักพวกเราก็ขึ้นแดงน้อยไปลงที่ที่ใกล้ที่สุด แล้วจึงลงเดินเท้าต่อ  พวกเราเดินกันไปคุยกันไป แอม ช่วยถือน้ำหน่อย”  เอกกี้ส่งขวดน้ำให้แอมถือ แอมซึ่งดูเหมือนจะแข็งแรงที่สุดในกลุ่มก็รับน้ำดื่มไปดูแล พวกเราเดินกันไป ถ่ายรูปกันไป บรรยากาศทางเดินหลังฝนตกใหม่ ๆ ค่อนข้างลื่น  จึงมีหลาย ๆ คนเอาไม้ มาถือเป็นไม้เท้าเพื่อช่วยประคองตัว  แต่ก็มีหลายคนลื่นเป็นระยะ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลื่นบ่อย ๆ เพราะสวมผ้าใบ สภาพป่าที่พวกเราเดินผ่านชุ่มชื้น ต้นไม้มีมอสเกาะอยู่ตามลำต้นกิ่งก้าน แลดูเขียวขจี  ดอกไม้ป่าข้างทางก็สวยไปหมดจนผมอดถ่ายรูปไม่ได้ เราเดินกันไปจนถึงทางที่ต้นไม่ใหญ่ล้มขวาง ซึ่งตรงนั้นคุณบัญญัติต้องจอดแดงน้อยไว้ ไม่สามารถขับต่อไปได้  ต้องเดินขึ้นภูด้วยเท้าเพียงอย่างเดียว ระหว่างเดิน บางครั้งผมก็เดินทันกันกับเพื่อน ๆ บางครั้งก็ถูกทิ้ง บางครั้งก็เดินนำหน้ากลุ่ม  ผมเดินไปทันแอน เฮง เจย์ กั้ง และถ่ายรูปด้วยกัน  ส่วนดรกับท๊อปเดินปิดท้ายเพื่อดูแลความปลอดภัยและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ  แอม เอกกี้ แชมป์ เดินหายจากผมไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน ผมเกรงว่าตัวเองจะเป็นภาระดรกับท๊อป จึงเร่งเดินเร็วขึ้นเพื่อให้ทันเอกกับแอม   ระหว่างทางก็เจอใหม่ มิกซ์  มาเอก แอม มาถ่ายรูปกัน”  ผมหยิบกล้องออกมาพร้อมทั้งเรียกน้องทั้งสองมาตั้งท่าถ่ายรูป หลังจากเดินมาจนทันตรงจุดชมวิว แอมนั้นตั้งท่าธรรมดา แต่เอกกี้นี่ต้องมียกนิ้ว เอียงคอ ส่งยิ้มหวานตลอด จนผมคิดในใจว่า เอกคงชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ไม่น่ามาทำงานด้าน IT  เล้ย น่าจะไปแป็นนายแบบมากกว่า  เพราะเอกไม่มีเขิน ไม่มีอาย สู้กล้อง ขอให้บอกเถอะ เอกจัดเต็มทุกครั้ง  ผม เอก แอม เดินไป ถ่ายรูปไปจนเข้าถึงต้นทางขึ้นภูนม อากาศบนนี้เย็นสบายมาก ภูมิประเทศเป็นแบบทุ่งหญ้าสะวันน่า  เห็นกลุ่มเมฆลอยมาเป็นกลุ่มไม่ขาดสายตรงภูลังกาที่อยู่สูงขึ้นไป  ลมพัดแรงจนเสื้อผ้าปลิวไปตามแรงลม เอกหยิบแว่นเรย์แบนสีดำมาใส่เพื่อเตรียมถ่ายรูป ผมจึงนึกออกว่า ผมก็เตรียมแว่นมาเหมือนกันนี่ เดี๋ยวใส่แล้วให้คนถ่ายรูปให้น่าจะเท่ห์ไม่หยอก  เมื่อจัดอุปกรณ์เต็มแล้วจึงเดินขึ้นภูนมเพื่อไปดูวิว และเรียกให้เปรมเข้ามาเก็บรูปหนุ่มกรุงทพ ฯ สุดหล่อสองคนบนภูสูง ส่วนแอมน่ะหรือ เห็นเดินตามสาวปลา สาวต้อขึ้นไปบนภูลังกาจนไกลลิบ ทิ้งผมกับน้องเอกกี้ไว้เบื้องหลังโดยไม่มีห่วงกันเล้ย


19 ตุลาคม 2554

ต้นจำปูนหลังบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น