เสียงสายฝนตกลงมากระทบหลังคาเต๊นท์ที่ผมอาศัยนอนพักกับดรช่วงตี 4 ปลุกให้ผมลืมตาขึ้น เสียงนาฬิกาปลุกที่ดรตั้งไว้ก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ดรตื่นขึ้นมาและปิดเสียงนาฬิกาปลุก
ผมลืมตาในความมืดคิดชั่งใจว่าจะออกไปเตรียมตัวเพื่อขึ้นภูลังกาหรือจะนอนหลับไปจนเช้าดี ไม่นานนักก็มีข่าวมาว่าคุณบัญญัติและทีมงานจะออกไปสำรวจเส้นทางก่อนว่ามีความปลอดภัยในการเดินทางพอหรือเปล่า
คุณบัญญัติจะรับผิดชอบชีวิตเราชาวค่ายทุกคนอย่างยิ่งยวด ในทุก ๆ
ครั้งที่ออกค่ายกันมา เป็นเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ โต้งคงออกไปช่วยคุณบัญญัติด้วย ผมหลับตาลงอีกครั้ง
เพื่อรอเวลาแห่งการผจญภัยครั้งใหม่ “แชมป์
ไปส่งพี่เข้าห้องน้ำหน่อย” เสียงเอกกี้ดังมาจากเต๊นท์ข้าง
ๆ ฟังน้ำเสียงแล้วก็พอจะเดาได้ว่า
เอกกำลังฮัมเพลง สุขาอยู่หนใด ด้วยใจรัญจวนอยู่แน่ๆ ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง เกือบตี 5
แล้ว มีข่าวมาว่าสามารถขึ้นภูลังกาได้
จึงค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ
ระหว่างทางที่ยังมืด ๆ
ผมเจอแชมป์ซึ่งไปส่งเอกเรียบร้อยแล้วจึงชวนกันไปอาบน้ำด้วยกัน “พี่หน่องเอาไฟฉายผมไปสิ ผมยืมพี่แอนมา” ผมรับไฟฉายมา
และนำมาเปิดในห้องน้ำ
ตัวหนังสือดำบนพื้นทองเขียนไว้ว่า ที่ระลึกงานฌาปณกิจศพ … เออ
สงสัยดวงเราจะสมพงษ์กับเรื่องแบบนี้มั้ง
มันเป็นไฟฉายอันเดียวกันกับที่เฮงให้ผมยืมมื่อหัวค่ำ ผมทำเป็นไม่สนใจ
อาบน้ำและทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ
บรรยากาศเช้ามืดวันนั้นทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเอกกี้จึงต้องการแชมป์มาเป็นเพื่อนด้วย
มันออกจะวังเวงชวนให้คิดอะไรที่ไม่ควรคิดถึงเวลามืด ๆ ได้เลย
น้องโน๊ต
นำรถกระบะมารับพวกเราเพื่อนำไปส่งต่อให้คุณบัญญัติ ที่ทางขึ้นภู
คนที่ร่วมเดินทางไปในชุดผมก็มี ดร ท๊อป แอม เอกกี้ แชมป์ เปรม “เราจะขึ้นกันไปถึงไหนน่ะ” ผมถามน้อง ๆ
เมื่อลงจากรถโน๊ต เพื่อรอให้แดงน้อยมารับ เพราะคิดว่าคงเป็นระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก” “ตรงยอดเขานั้นไงพี่หน่อง” ท๊อปบอกผมพร้อมทั้งชี้มือให้ดูยอดภูที่สูงออกไปไกลลิบ
ผมแอบถอนหายใจเพราะรู้ว่าระยะทางมันไม่ใช้ใกล้ ๆ เลย
ทั้งยังต้องขึ้นเขาที่สูงชันอีกด้วย แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง งานถมพื้นเมื่อวาน
ดึงเอาพลังผมไปมาก แต่คิดว่าเดินขึ้นภูลังกามีน้อง ๆ
ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาหลายค่ายคงไม่ทิ้งผมแน่ ๆ
รอไม่นานนักพวกเราก็ขึ้นแดงน้อยไปลงที่ที่ใกล้ที่สุด
แล้วจึงลงเดินเท้าต่อ พวกเราเดินกันไปคุยกันไป
“แอม ช่วยถือน้ำหน่อย” เอกกี้ส่งขวดน้ำให้แอมถือ
แอมซึ่งดูเหมือนจะแข็งแรงที่สุดในกลุ่มก็รับน้ำดื่มไปดูแล พวกเราเดินกันไป
ถ่ายรูปกันไป บรรยากาศทางเดินหลังฝนตกใหม่ ๆ ค่อนข้างลื่น จึงมีหลาย ๆ คนเอาไม้
มาถือเป็นไม้เท้าเพื่อช่วยประคองตัว
แต่ก็มีหลายคนลื่นเป็นระยะ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลื่นบ่อย ๆ เพราะสวมผ้าใบ
สภาพป่าที่พวกเราเดินผ่านชุ่มชื้น ต้นไม้มีมอสเกาะอยู่ตามลำต้นกิ่งก้าน
แลดูเขียวขจี
ดอกไม้ป่าข้างทางก็สวยไปหมดจนผมอดถ่ายรูปไม่ได้
เราเดินกันไปจนถึงทางที่ต้นไม่ใหญ่ล้มขวาง ซึ่งตรงนั้นคุณบัญญัติต้องจอดแดงน้อยไว้
ไม่สามารถขับต่อไปได้
ต้องเดินขึ้นภูด้วยเท้าเพียงอย่างเดียว ระหว่างเดิน
บางครั้งผมก็เดินทันกันกับเพื่อน ๆ บางครั้งก็ถูกทิ้ง
บางครั้งก็เดินนำหน้ากลุ่ม ผมเดินไปทันแอน
เฮง เจย์ กั้ง และถ่ายรูปด้วยกัน
ส่วนดรกับท๊อปเดินปิดท้ายเพื่อดูแลความปลอดภัยและคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ แอม เอกกี้ แชมป์
เดินหายจากผมไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน ผมเกรงว่าตัวเองจะเป็นภาระดรกับท๊อป
จึงเร่งเดินเร็วขึ้นเพื่อให้ทันเอกกับแอม
ระหว่างทางก็เจอใหม่ มิกซ์ “มาเอก แอม มาถ่ายรูปกัน” ผมหยิบกล้องออกมาพร้อมทั้งเรียกน้องทั้งสองมาตั้งท่าถ่ายรูป
หลังจากเดินมาจนทันตรงจุดชมวิว แอมนั้นตั้งท่าธรรมดา แต่เอกกี้นี่ต้องมียกนิ้ว
เอียงคอ ส่งยิ้มหวานตลอด จนผมคิดในใจว่า เอกคงชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ
ไม่น่ามาทำงานด้าน IT เล้ย น่าจะไปแป็นนายแบบมากกว่า
เพราะเอกไม่มีเขิน ไม่มีอาย สู้กล้อง ขอให้บอกเถอะ เอกจัดเต็มทุกครั้ง ผม เอก แอม เดินไป
ถ่ายรูปไปจนเข้าถึงต้นทางขึ้นภูนม อากาศบนนี้เย็นสบายมาก
ภูมิประเทศเป็นแบบทุ่งหญ้าสะวันน่า
เห็นกลุ่มเมฆลอยมาเป็นกลุ่มไม่ขาดสายตรงภูลังกาที่อยู่สูงขึ้นไป ลมพัดแรงจนเสื้อผ้าปลิวไปตามแรงลม
เอกหยิบแว่นเรย์แบนสีดำมาใส่เพื่อเตรียมถ่ายรูป ผมจึงนึกออกว่า
ผมก็เตรียมแว่นมาเหมือนกันนี่ เดี๋ยวใส่แล้วให้คนถ่ายรูปให้น่าจะเท่ห์ไม่หยอก
เมื่อจัดอุปกรณ์เต็มแล้วจึงเดินขึ้นภูนมเพื่อไปดูวิว
และเรียกให้เปรมเข้ามาเก็บรูปหนุ่มกรุงทพ ฯ สุดหล่อสองคนบนภูสูง ส่วนแอมน่ะหรือ
เห็นเดินตามสาวปลา สาวต้อขึ้นไปบนภูลังกาจนไกลลิบ ทิ้งผมกับน้องเอกกี้ไว้เบื้องหลังโดยไม่มีห่วงกันเล้ย
19 ตุลาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น