หากมีใครซักคนทำให้ผมรู้สึกว่าค่ายภูลังกานี้มีชีวิตชีวา
เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน มีสิ่งที่นึกไม่ถึง
และความไร้เดียงสาแล้วล่ะก็ ผมจะนึกถึงโต้งเป็นคนแรก หลังจากเทพื้นปูนไปได้
2
ใน 3 ส่วนของเป้าหมายในวันแรกแล้ว โต้งในชุดคล้ายนักบิน
มีผ้าพันคอผูกไว้แบบคาวบอย เดินถือขวดเอ็มสปอร์ตเอามายื่นให้ผม “ซักหน่อยนะพี่หน่อง จะได้สดชื่น” “น้ำอะไรน่ะโต้ง” ผมถามด้วยความแปลกใจ
เพราะก่อนหน้านี้ผมรู้ว่าน้ำเกลือแร่เอ็มสปอร์ตหมดไปจากกล่องที่พี่แอ๊ดซื้อมาฝากแล้ว
“ดีนะพี่หน่อง ดื่มเลย” โต้งไม่บอกว่าเป็นอะไร ได้แต่คะยั้นคะยอให้ผมดื่ม
ผมจึงเปิดฝาและดื่มน้ำเข้าไป 2-3 อึก รสชาติของน้ำดื่ม ออกจะหวาน ๆ และขมผสมปนเปกันไป
คล้าย ๆ เป็บซี่ผสมเหล้าบรั่นดี น่าแปลกที่หลังจากนั้น 2-3 นาที อาการเมื่อยล้าที่เกาะกินร่างกาย
ค่อยๆ หายไป ผมส่งขวดน้ำให้ดร “ลองหน่อยสิดร” ดรรับไปดื่มโดยไม่ถามอะไรผมมาก
จากนั้นก็เป็นแชมป์ น้องชายที่ตั้งแต่ออกค่ายมา ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ผมเลย
ไม่รู้ไปเดินตามสาวที่ไหนเหมือนกัน ผมเชิญชวนให้โต้งดื่มด้วย แต่โต้งส่ายหน้าพร้อมทั้งให้เหตุผลว่ากำลังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา
“ผสมอะไรไปบ้างโต้ง” “โด่ไม่รู้ล้ม”
โต้งบอกและเดินยิ้มจากไปเพื่อบันทึกภาพคนค่ายด้วยกล้องคู่ใจ หลังจากผมได้ยาดีชูกำลังแล้ว
ความรู้สึกมันเหมือนกับม้าคึก เลือดลมฉีดแรง ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง “น้องเล็ก ๆ เชียร์พี่เอกหน่อย เร็ว” น้องเล็กที่อยู่ในแถวเพื่อรอรับกระป๋องปูนมาเทพื้นก็ตะโกนขึ้นว่า
“พี่เอกสู้ ๆ พี่เอกสู้ๆ ค่า” เอกกี้ก็รับลูกต่อ ร้องกระตุ้นเพื่อนๆ
ให้เร่งกันทำงานจนกระทั่งหมดปูน หน่วยผสมปูนก็เข้ามาทำงานต่อ
ซึ่งจะเริ่มจากการขนทรายมาเทกอง เทปูนจากถุง เกลี่ยปูนให้เข้ากัน ขนหินจากกองซึ่งวางอยู่ใกล้
ๆ มารวม นำน้ำมาใส่ในกองปูนที่เทไว้ และคนทุกอย่างให้เข้ากัน ซึ่งแรก ๆ
นั้นฝีมือของคนค่ายอย่างพวกเราก็ไม่ค่อยได้เรื่องนัก “ผสมปูนใหม่
ผสมปูนใหม่” เสียงจากกระดุม ตะโกนบอกหลังจากเห็นคุณภาพปูนที่ผสม
“ผสมปูนใหม่ ผมร้องต่อไปยังเอก,ดร,มิ้งค์
ที่ช่วยกันผสมปูนอยู่ ซึ่งทุกคนก็เต็มใจช่วยกันแก้ไขจนงานทุกอย่างเริ่มดีขึ้นมาก
และบรรยาการศการขนปูน เทปูนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ผมเอง ก็กล้าที่จะร้องแซวสาว ๆ
โดยเฉพาะสาวพยาบาลเป็นระยะ ๆ และเพิ่งสังเกตว่า เออ มีคนสวยน่ารักอย่างจุ๋ม
หนูเล็ก มาทำงานปูนที่หนักหนาสาหัสด้วยเหมือนกัน
เมื่อเสร็จจากงานปูนวันแรกแล้ว
พวกเราเดินกลับไปยังบริเวณที่พักเพื่อกางเต๊นท์ให้เสร็จก่อนที่จะมืดจนมองอะไรไม่เห็น
ชุดน้องๆ ผมมี 3 เต๊นท์และเริ่มกางเต๊นท์แรกกับ
ดร,แชมป์,เอก,แอมและท๊อป โดยมีการแบ่งว่า เอกกี้นอนกับแชมป์
แอมนอนกับท๊อปและผมนอนกับดร ขณะนั้นลมพัดแรงมาก จนเต๊นท์เพื่อนๆ ในค่ายคนอื่นๆ
แทบจะลอยไปตามลม แต่พวกเราก็สามารถกางเต๊นท์กันจนเสร็จ แอมเดินไปเอาอิฐบล๊อคมาทับเต๊นท์ไว้ไม่ให้ลอยไปกับลม
แต่ก็มีอีกหลายคนต้องย้ายเต๊นท์ลงไปกางด้านล่างแทน ฝ่าย2 หนุ่ม
2 สาว เฮง,กั้ง,เจย์และแอน ก็กำลังกางเต๊นท์ที่กางยากที่สุดในค่ายอยู่
ผมเดิน ๆ เข้าไปดู
เห็นว่าใกล้จะเสร็จแล้วจึงไม่ได้ช่วยเหลืออะไรและเดินเลยไปเอาของใช้สำหรับอาบน้ำจากกระเป๋าเป้ที่เก็บไว้ที่บ้านพัก
จากนั้นจึงเดินขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านบนเหนือขึ้นไปจากที่ที่เรากางเต๊นท์ “พี่หน่อง เอกไปด้วย”
เอกกี้โผล่เข้ามาในเวลาที่ผมต้องการเพื่อนเดินไปอาบน้ำพอดีจนผมอดนึกไปไม่ได้ว่า
เอกมันคงทำบุญมากับผมเมื่อชาติก่อน แน่ๆ ไปไหนทำอะไรต้องมีเอกมาอยู่ข้างๆ เสมอ “เค้าว่าน้ำไม่ไหลนะพี่ แต่ต้องไปดูกันก่อน” เอกบอกในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้เลย
แต่ทำไงได้ ผมได้แต่หวังว่าน้ำคงไหลพอที่จะอาบได้ เราทั้งคู่เดินไปเจอเฮงที่ ใกล้ๆ
ห้องน้ำเลยเดินไปด้วยกัน เมื่อเห็นน้ำในห้องน้ำที่ค่อนข้างน้อย และมีน้ำไหลเพียง 2 ห้องเราทั้ง 3 คนจึงแบ่งกันอาบโดยผมกับเอกกี้อาบก่อน ส่วนเฮงเฝ้าหน้าห้อง “เอาไฟฉายผมไปเปิดในห้องน้ำสิพี่” เฮงแสดงความเอื้ออารีย์มายังผม
ซึ่งผมก็รับไว้ด้วยความยินดี ผมแขวนไฟฉายไว้ที่ข้างห้อง และเหลือบไปเห็น
สติ๊กเกอร์เล็กๆ ที่ติดข้างไฟฉายว่า ที่ระลึกงานฌาปณกิจศพ … เออให้มันได้ยังงี้สิชีวิต มืด ๆ
กลางป่าเขาผมล่ะเจอบททดสอบกำลังใจอยู่เรื่อยเลย แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ยังไงเฮงก็อยู่ข้างนอกมีอะไรเฮงรับไปก่อนละกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จผม,เฮงและเอกกี้ก็เดินลงมาที่เต๊นท์เพื่อเตรียมตัวทานช้าวเย็น
ผมเอาเหล้าเร้ด เลเบิล ที่นำมาจากกรุงเทพฯ เปิดถวายเจ้าที่
เพื่อความสุขสวัสดีของชาวค่ายทุกคน ลมที่พัดแรงอยู่ เริ่มสงบลงอย่างประหลาด
ผมได้แต่นึกในใจว่า “หากเราทำดีแล้ว
ขอเจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครองพวกเราทุกคนให้รอดปลอดภัย และทำงานที่มุ่งหมายสำเร็จด้วยเถิด
เจ้าพระคู้น”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น