วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บันทึกภูลังกา-XI-ลงภูดูบั๊ดดี้


          ผมเห็นน้องใหม่แบกขาตั้งกล้องเดินลงภู ดูราวกับว่าช่างภาพมืออาชีพ แต่พอถึงช่วงที่ดินลื่นและชัน ขาตั้งกล้องดังกล่าวก็เป็นไม้เท้าที่ช่วยรักษาสมดุลย์ร่างกายไม่ให้เสียไป พรืด พรืด พรืด เสียงน้องใหม่ไถลไปกับพื้นดินเพราะเสียหลัก หรือจะเพราะน้ำหนักตัวก็สุดจะคาดเดา แต่ก็ส่งผลให้ใหม่ลงไปนั่งอย่างเรียบร้อยบนพื้นทุกๆ สองร้อยเมตรเลยก็ว่าได้  จากระยะทางที่ลงมา ใหม่เป็นคนที่ลื่นมากที่สุดจนกางเกงเลอะเป็นสีแดง ผมก็ไม่ต่างกับใหม่ บางครั้งก็ลื่นทั้งๆ ที่ตัวเองระวังอย่างดีแล้ว พอเห็นทุกคนเหน็ดเหนื่อยมาก ผมเลยหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดเพลงให้สมาชิกผู้ร่วมเดินลงภูลังกาฟังกันซะเลย รถเกือบชนน้อง เพลินมองจอร์นนี่เดินมา…”  เสียงเพลงจอร์นนี่ที่รัก ของคุณบุษบาอธิฐานดังขึ้น น้องแอนซึ่งเดินตามมาด้านหลังก็ร้องคลอไปกับเสียงเพลง บรรยากาศรอบข้างเริ่มครึกครื้นช่วยบรรเทาให้หายเหนื่อยกันไปบ้าง ใจผมตอนนั้นนึกถึงแต่มะขามป้อมที่ได้กินเมื่อช่วงบ่ายวันวาน ถ้ามีซัก 10  ลูกคงช่วยให้เราทุกคนสดชื่นขึ้น ซึ่งช่วงที่ลงจากภูนั้นพวกเราไมค่อยเหนื่อยกันแล้ว มีแต่ต้องคอยระวังไม่ให้ลื่นล้มเท่านั้นเอง

          พอเดินมาถึงจุดแยกเข้าไปชมน้ำตก พวกเราอ่อนระโหยโรยแรงกันไปหมด ผมนั่งไปบนพื้นและพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ดีใจที่สามารถเดินกลับลงมาได้โดยปลอดภัย ข้าวเหนียว หมูปิ้ง น้ำคื่มอาร์ เจ บิ๊กโคล่า ถูกส่งมาให้พวกเราอย่างเร่งด่วน อาหารมื้อนั้นเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตมื้อหนึ่งทีเดียว ผมกินไปก็มองหน้าน้อง ๆ ไป ขำๆ ที่มีน้อง ๆ ที่นั่งใกล้ ๆ พูดขึ้นมาว่ากล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ อารมณ์ ณ ตอนนั้นถ้าใครมาแย่งข้างเหนียวหมูปิ้งไป คงจะมีเคือง  กินข้าวไปได้ซักพักก็มีเสียงเล็ก ๆ ใสๆ จากสาวน่ารักนางหนึ่งดังมาจากด้านหน้าที่ผมนั่ง เดี๋ยวเราจะประกาศบั๊ดดี้นะคะ เนื่องจากมีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้นอาจจะมีผู้ชายได้บั๊ดดี้เป็นผู้ชายน้องจีจี้ประกาศเสียงดังฟังชัด ผมอมยิ้มและหวังว่าจะไมได้บั๊ดดี้เป็น เอกกี้ ดร ท๊อป แชมป์ แอม ขอเป็นน้องผู้หญิงน่ารัก ๆ ก็พอ จากนั้นจีจี้ก็ค่อย ๆ อ่านชื่อบั๊ดดี้ทีละคู่ ผมตั้งใจฟังซึ่งเท่าที่จำได้ก็มี  บั๊ดดี้เงี๊ยบพี่กุ้งค่ะสาวหมวยไฮโซที่นั่งข้างๆ ส่งสัญญาณว่าเป้นบั๊ดดี้กับเงี๊ยบ อ๋อ สาวหมวยที่เดินลงมากับเรานั่นเองชื่อกุ้ง ผมจำเงี๊ยบได้เลยพลอยจำกุ้งได้อีกคน    บั๊ดดี้กระดุมคือหนิงค่า  อ้อ เจ้าน้องตัวใหญ่ๆ ล่ำๆ ที่เมื่อวานเห็นปาดปูนชื่อกระดุม น้องหนิงผมจำได้เพราะส่งถังปูนให้เมื่อวานในแถว ตอนแรกผมนึกว่าน้องดุมเค้าเป็นนายช่างจริง ๆ เพราะมาดให้ อุปกรณ์ครบ ปาดปูนเรียบ สั่งผมผสมปูนใหม่ตอนตอนที่ผมยกเอาไปให้เทให้นั่นแหละ   บั๊ดดี้พี่หน่องนะค้า น้องเกดค่าเอ น้องเกดคนไหนหว่า บอกตรงๆ นึกไม่ออกจริง ๆ  รู้ๆ ว่าชื่อเกด แต่ไม่เคยเห็นตัวซักที น้องเกดคะ ชูมือด้วยค่ะ เงียบ บั๊ดดี้ผมไปไหนล่ะเนี่ย อยากเห็นหน้าแล้วเผื่อจะหายเหนื่อย  ปรากฏว่าน้องเกดไปเที่ยวน้ำตก ยังไม่กลับมา  เดี๋ยวรอซักพักก็คงเห็นหน้า ผมนั่งคุยไปกับน้องเอก น้องแชมป์ พร้อมทั้งกินข้าวเหนียวผมูปิ้งไปเรื่อย  ๆ ปากก็เคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ซักพักมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าใสๆ ผมสีทองเดินออกมาจากทางไปน้ำตก พร้อมทั้งชายหนุ่ม  3 คนเดินมาด้วยกัน ช่างเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยกับบอดี้การ์ดดีแท้โดยเฉพาะน้องแนท ใส่แว่นดำ เจาะหู หน้านิ่งถ้าเผลอไปมองหน้าอาจจะมีเคืองเอาง่าย ๆ  น้องทอย หนุ่มหล่อชาวเหนือ ที่ผมดูยังไงหน้าก็เหมือนพระเอกหนังจีนฮ่องกง  น้องอีกคนผมจำชื่อเค้าไม่ได้ซะที แต่ถ้าเห็นหน้าแล้วจะนึกออก พอเห็นหน้าทั้ง  คนนั้น น้องจีจี้ก็บอกว่าบั๊ดดี้เค้าเหล่านั้นคือใครกันบ้าง น้องเกดคงพยักหน้ารับรู้แล้วก็มองมาทางที่ผมนั่งอยู่ ผมก็มองไปพอดีและยิ้มให้ ไม่รู้น้องเกดเค้าจะดีใจและเสียใจดีที่ได้ผมเป็นบั๊ดดี้  แต่ผมยินดีเป็นอย่างมาก เพราะได้น้องน่ารัก ๆ มาเป็นบั๊ดดี้ เผื่อจะมีขนมอร่อย ๆ มาเสริฟตอนทำงานช่วงบ่ายและตลอดช่วงเวลาที่เหลือของค่ายนี้ แต่ตอนนี้หลังจากกินข้าวกันแล้ว พวกเราต่างขยับขยายกันเพื่อเดินทางไปเที่ยวน้ำตกภูลังกาให้สดชื่นและหายเหนื่อย โดยที่ไม่รู้เลยว่า ทางลงไปน้ำตกนั้นมันหนักหนาสาหัสกว่าทางขึ้นภูลังกาเมื่อช่วงเช้ามาก  


21 ตุลาคม 2554

ต้นจำปูนหลังบ้าน

           


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น