บนภูนมคุณบัญญัติพร้อมกล้องนิคอนคู่ใจบนขาตั้ง
กำลังบรรจงถ่ายรูปเพื่อน ๆ ชาวค่ายและวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ผมกับเอกก็ตระเวณถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ
โดยเป็นเอกซะมากกว่าที่โพสท่าเป็นนายแบบ ส่วนผมต้องรับหน้าที่เป็นช่างกล้องหน้าตาดีไป
ขาผมเริ่มรู้สึกคันๆ เพราะถูกหญ้าบนภูบาดหลายแห่ง แต่ความงามบนภูนมก็ทำให้ผมลืมแทบทุกอย่าง ไกลออกไปบนภูลังกา กลุ่มเมฆหมอกลอยมากระทบยอดภูเป็นระยะๆ
อากาศเย็นพร้อมละอองน้ำ เริ่มจับไปตามเส้นผม เสื้อผ้าเปียกชื้นจนรู้สึกได้ “นี่แหละที่ผมค้นหามาทั้งชีวิต พี่หน่อง”
เอกพูดขึ้นเมื่อเราทั้งคู่กำลังเดินลงมาจากภูนม “ผมอยากให้น้องนัทได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ด้วยกัน” เอกกล่าวถึงน้องคนหนึ่งที่เคยได้ร่วมงานกันมาและลาออกจากบริษัทไปทำงานร้านทองที่สระบุรี
ผมก็รู้สึกแบบเดียวกับที่เอกกล่าวมา เพียงแต่วัยผมอาจจะล่วงเลยมามากจนดูไม่เหมาะกับการขึ้นเขาลงห้วยอีกแล้ว
มีแต่ใจเท่านั้นแหละที่จะสู้หรือถอย ซึ่งวันนี้ผมเลือกที่จะสู้ เมื่อรู้ว่าแอม แอบปลีกตัวไปกับกลุ่มสาว ๆ แล้ว
ผมกับเอกกี้เลยต้องเดินขึ้นภูลังกาไปกันสองคน ผมเจอโต้ง
ตรงทางแยกขึ้นภูนมกับภูลังกาเลยได้โต้งถ่ายรูปให้และชวนกันขึ้นยอดภูลังกาไปด้วยกัน
“อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว”
ผมคิดในใจเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ตอนนั้น 8 นาฬิกาแล้ว
แต่อากาศกลับเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ จนหนาว
ละอองน้ำโปรยปรายมาไม่ขาดสายจากเมฆที่พัดผ่านภู พวกเราสามคนเดินขึ้นภูลังกาไปเรื่อย ๆ
ไม่เร่งร้อน จนถึงทางแยกไปสวนหินล้านปีกับยอดภูลังกา
เอกและผมเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะขึ้นไปยอดภูลังกาเลย ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
หลังรับรู้จากปลาในภายหลังว่า ลานหินล้านปีไม่มีอะไรน่าสนใจ
เราทั้ง 3 คนดั้นด้นจนขึ้นมาถึงยอดภูลังกาจนได้
ความรู้สึกเหนื่อย อ่อนล้า มันหายไปหมดสิ้น มีแต่ความปลาบปลื้มที่สามารถพิชิตยอดภูได้
อากาศด้านบนดีมาก ลมเย็นเพราะมีเมฆหมอกเคลื่อนตัวเข้าประทะเป็นระยะ ๆ น้องๆ ที่ขึ้นมาก่อนถ่ายรูปตรงหินด้านไกลซึ่งอยู่ริมหน้าผา เห็นมีสาว ๆ อยู่สามคนคือปลา,หนิงและต้อ
นอกนั้นเป็นหนุ่มๆ หน้าตาดีจากมหพันธ์ น้องแชมป์ น้องแอมที่เดินล่วงหน้ามาก่อนผมกับเอกกี้เพื่อมาดูแลสาว
ๆ ผมกับเอกเดินดูบริเวณรอบ ๆ ซักพัก
เอกก็บอกผมว่า “พี่หน่องผมขอภาพแพลงกิ้งบนภูลังกาซักภาพสิ”
ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ๆ
แต่ก็จัดการบันทึกภาพให้นายแบบคู่ใจโดยไม่รอช้า แอน เฮง เจย์ กั้ง ก็ขึ้นตามมา ใหม่ มิกซ์
แล้วก็สาวหมวยไฮโซที่ตักดินอย่างขยันขันแข็งซึ่งผมมารู้ชื่อตอนหลังว่าชื่อกุ้งก็ขึ้นมาไล่เลี่ยกัน ทุกคนมีท่าทางสดชื่นหายเหนื่อย ท๊อปพาใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษขึ้นมาถึงด้านบน
ผมแปลกใจเพราะปกติ ท๊อปจะเป็นคนแข็งแรง “ผมนอนน้อยน่ะพี่หน่อง
เลยจะเป็นลมเอา” “กินเหล้าเยอะหรือเปล่าเมื่อคืน” ผมถามท๊อปด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอกพี่ พี่แอมกรนหนักจนผมนอนไม่หลับเลย” ท๊อปบอกออกมาแบบปลง ๆ
ผมหัวเราะก๊ากเลย เพราะท่าทางอย่างแอมไม่น่าจะกรนได้
แต่นี่กรนจนท๊อปไม่ได้หลับเลยแสดงว่าเสียงกรนคงดังพอสมควร ส่วนดรนั้นเมื่อเดินขึ้นมาถึงก็มีท่าทางอิดโรยไม่ต่างจาก ท๊อปเท่าไรนัก แต่สีหน้าไม่ซีดขาวแบบท๊อป พอมาถึงดรก็ไม่พูดอะไรมาก นั่งพักเหนื่อยบนแท่นเทวดา และขอน้ำกิน “ภู ลังกา ภู ลังกา” เฮง หนุ่มหน้าตาดี ผมหยักศกตะโกนอย่างมีความสุขพร้อมทั้งถ่ายคลิปไปด้วย
น้องแอนโบกมือไหวๆ อย่างร่าเริง กลุ่มมหพันธ์และสามสาว ก็ถ่ายรูป โดยมีเปรม ยา
เป็นช่างภาพ ส่วนแชมป์กับแอมก็เข้าไปแจมได้อย่างไม่เคอะเขิน ท๊อปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปพร้อมทั้งสัมภาษณ์ผมกับเอกและน้องแอน
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครสนใจเพราะพวกเรารู้แล้วว่าความเหน็ดหนื่อยเมื่อล้าที่ผ่านมาขณะเดินขึ้นภูมันคุ้มค่ากับความสวยงามที่มาเจอ
เมื่อพวกเราชื่นชมบนภู ถ่ายรูป กินบรรยากาศกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว
ก็ถึงเวลาลงจากภูลังกาเพื่อไปทานข้าวเช้าด้านล่างและเที่ยวน้ำตก ซึ่งกลุ่มสามสาวสวยและทีมมหพันธ์ได้ลงไปก่อนหน้าผมแล้ว ครั้งแรกที่ลงมานั้น ผม เอก ท๊อปและแชมป์ลงไปกันก่อน
โดยไม่ได้รอ แอนและเพื่อน ใหม่ มิกซ์ กุ้ง
ดร แต่พอเดินลงไปถึงทางแยกตรงภูนม ผมมองกลับไปเห็นเพื่อน
ๆ กลุ่มใหญ่กำลังเดินลงมา ท๊อปก็หมดแรงเดินแทบไม่ไหว
จนต้องหาอะไรมาทานเพื่อเพิ่มกำลัง เพราะตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินข้าวกันเลย ผมจึงรอเพื่อนๆ กลุ่มหลังเดินลงมาและเข้าไปขอขนมหรือลูกอมมาให้ท๊อป
ซึ่งน้องใหม่ มีลูกอมพอดี จึงให้มา 2
เม็ด และก็เพราะลูกอม 2 เม็ดนั่นแหละที่ทำให้ผมตัดสินใจรอทุกคนเพื่อรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่และดินทางลงภูลังกาไปด้วยกันทั้งหมดเป็นกลุ่มสุดท้าย
ความรู้สึกสนิทสนมกับทุกคนเริ่มมากขึ้นในช่วงที่เราเดินลงภูกันนี่เอง
20
ตุลาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น