วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

Life is to laugh ชีวิตเป็นเรื่องตลก

จะเป็นเพราะอยู่กับพ่อมานานเกินไปหรือเปล่าไม่รู้จึงทำให้ติดนิสัยบางอย่างมาจากพ่อโดยไม่รู้ตัว สมัยยังเด็ก ๆ เวลาที่ผมไปหาย่าคงที่บ้านท่าน (ย่าคงเป็นน้องสาวย่ายิ้มคุณแม่ของพ่อผม) ย่าคงมักจะพูดถึงพ่อผมเสมอในเรื่องของการรู้คุณค่าของของกิน “พ่อมึงน่ะกินแตงโมเอาช้อนแคะจนมันทะลุไปถึงเปลือกเขียว ๆ กว่าจะทิ้งไปได้เปลือกแทบไม่เหลือ” เสียงย่าคงและสีหน้าที่ยิ้มแย้มยังคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดมา แม่เคยเล่าให้ฟังถึงความใจดีของย่าคงที่ให้ยืมเงินมาปลูกบ้านหลังแรกที่แยกออกมาจากบ้านย่ายิ้มและตั้งอยู่อีกฝั่งของถนนติดข้างวัดหลังจากที่ครอบครัวของพ่อเริ่มใหญ่ขึ้นและมองไปถึงการก่อร่างสร้างตัวกับแม่หลังจากที่พ่อพาย่ายิ้มไปขอแม่ให้มาเป็นภรรยาในปลายปี 2509



ผมมองอาหารที่ภรรยาจัดเตรียมไว้ให้มากจนบางครั้งมากเกินพอสำหรับคนสองคน ทุกอย่างที่ถูกทำขึ้นมันเป็นความตั้งใจของเธอที่อยากจะปรับปรุงฝีมือและดูแลครอบครัวจนทำให้หลาย ๆ ครั้งอาหารที่ยังทานกันไม่หมดจะเหลือข้ามมื้อเสมอ แต่พอผมจะตัดใจทิ้งอาหารที่ยังกินได้ลงถังขยะ เสียงย่าคงก็ดังขึ้นมาในโสตประสาทเหมือนย้ำเตือนให้ผมคิดถึงความยากลำบากและความประหยัดของพ่อ “พ่อมึงน่ะกินแตงโมเอาช้อนแคะจนมันทะลุไปถึงเปลือกเขียว ๆ… ” ก็ถ้าคุณพ่อประหยัดขนาดนี้จนมีเงินส่งให้ลูกเรียนหนังสือครบทั้ง 4 คน แล้วผมจะเอากับข้าวที่ยังกินไม่หมดทิ้งไปได้อย่างไร ถึงมันจะไม่ใช่ยุคที่พ่อเติบโตมาก็เถอะ เลยกลายเป็นว่าถ้าทานอาหารไม่หมดผมจะเก็บอาหารเข้าตู้เย็นและทยอยกินจนหมดจนได้ บางครั้งภรรยาอาจจะไม่เข้าใจว่าผมทำไปทำไม แต่บางเรื่องอยากให้การกระทำของผมสะท้อนให้เธอเห็นมากกว่าไปบอกให้เธอหยุดทำในสิ่งที่รัก ถ้าผมอ้วนก็แค่อออกไปวิ่งเท่านั้นเอง
生 活 是 笑 话 别 哭 着 听 它
เฉ่ง ฮวย ซี เซี้ยว ฮัว ไป๊ คู ฉี่ ทิ้ง ทา
ชีวิตเป็นเรื่องตลก อย่าร้องไห้ถ้าได้รับฟัง

20 กรกฎาคม 2564
ต้นจำปูนหลังบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น