วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ถีงวันหนึ่งผมก็ต้องจากโลกใบนี้ไป

มองภาพถ่ายใบเก่าด้วยความรู้สึกคิดถึงคนในภาพ คุณทวดที่ผมได้มีโอกาสอาบน้ำให้ในวันสงกรานต์และมีอายุยืนถึง 100 ปีจนจากไปในปี 2526 ยืนถ่ายภาพคู่กับลูกสาวสองคน คนหนึ่งเป็นคุณแม่ของพ่อผมหรือคุณย่าผม ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นน้องสาวของคุณย่า คุณปู่ที่มีสถานะเป็นลูกเขยของคุณทวดยืนข้างคุณย่า ส่วนคนที่เหลือทั้งหมดเป็นรุ่นหลานของคุณทวดแต่เป็นลูกของคุณย่าทั้งสองคน วัดชากลูกหญ้าที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในตระกูลคุณทวดทำให้ผมยิ้มภูมิใจทุกครั้งที่เดินเข้ามาบริเวณวัดและรู้สึกชื่นชมคุณทวด คุณปู่ คุณย่าที่ได้เสียสละที่ดินและแรงกายในการสร้างวัดให้เกิดขึ้นมา คุณทวดมุ่งมั่นและศรัทธาในพระพุทธศาสนามากจนถ่ายทอดมาถึงลูกและหลานและมันคงส่งผลมาถึงผมที่เป็นรุ่นเหลน สิ่งที่เป็นเสมือนตัวแทนคุณทวด คุณปู่ คุณย่าเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าถ้าจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงสิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นความภูมิใจของตระกูลที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา อย่าทำตัวเหลวไหลจนคนทั่วไปตราหน้าว่าเป็นลูกหลานของทวดและปู่ย่าที่ทำตัวไม่ได้เรื่อง ไม่สมกับที่ได้เกิดมาในตระกูลนึ้

สมัยนั้นคุณพ่อผมแต่งงานแล้วและมีลูกชายคือพี่ชายผมส่วนผมยังไม่เกิด ส่วนอาโต๊งและอาฟุ้งยังเป็นหนุ่มน้อยลูกหลานคุณย่าที่ยังไม่มีครอบครัว ถึงวันนี้ทั้งสามคนจากไปแล้วในเวลาไม่ถึงปีนับจากวันที่พ่อผมจากไป เหลือไว้เพียงความทรงจำในภาพถ่ายและสิ่งดีๆ ที่สร้างไว้คือโบสถ์ด้านหลังของทุกคน ถึงวันหนึ่งผมก็ต้องจากไปเช่นเดียวกับคุณพ่อและการได้เห็นภาพถ่ายใบนี้ก็ช่วยตอกย้ำให้ตระหนักอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าจะทำอะไรก็ให้รีบทำ เวลาบนโลกมันผ่านไปเร็วมาก มากเสียจนวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนแก่ที่ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมนี้อีกต่อไป หรืออาจจะไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาอีกก็ได้



1 กรกฎาคม 2564
ต้นจำปูนหลังบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น