วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

บันทึกภูลังกา-III-สวัสดีภูลังกา

                 รถตู้ที่ผมนั่ง ค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงของภูลังกาขึ้นไปเรื่อย ๆ ถนนที่รถวิ่งขึ้นภูเป็นยางมะตอย ทางไม่สูงชันมากนัก แต่ก็มีบางช่วงที่รถต้อง  ผมนั่งมองวิวข้างทางด้วยอารมณ์เบิกบาน ตี๋ไปนั่งข้างหน้าแล้ว ยิ่งมีที่นั่งให้ผมนั่งสบายๆ มากขึ้น รถตู้อีกคันที่ออกมาจากเบทาโกรจะเป็นรถที่สาว ๆ เพื่อนๆ เปิ้ลนั่งกันมา  ผมยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาชัด ๆ เลยเห็นแต่ในรูปใบสมัคร ซึ่งเท่าที่ดูแต่ละคนก็น่ารักไปคนละแบบ

          เมื่อรถวิ่งมาถึงศูนย์ฝึกอบรมที่เราตั้งใจมาทำงาน ก็เกิดปัญหาเดิมอีก คือเรื่อง การสื่อสารซึ่งพาเราหลงทางเมื่อคืนนี้ เราเลยมาแล้ว ต้องขับรถลงไปข้างล่าง ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาอย่างนั้น เราต้องเลี้ยวขวาไม่ใช่หรือ ใครอีกคนพูดแย้งขึ้นมา เพราะแน่นอนแล้วว่าด้านหน้ารถตู้ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ สุดท้ายคนขับจึงตัดสินใจขับรถลงไปด้านล่างอีกครั้ง คนขับรถคันผมก็ประเภท มั่นใจเกินร้อยเหลือเกิน  เมื่อคืนที่พาหลงทางก็เพราะไม่ฟังใครในรถทั้งๆ ที่เอกกี้ก็ทักท้วงแล้วเชียวว่าผิด แต่พี่เค้าก็แบบ เฮ้ย ผมเคยมาแล้ว ไม่ต้องห่วงแหม มาแล้วก็หลงแล้วได้นะว่ามะ  แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เมื่อรถวิ่งลงมา  200  เมตรก็ต้องจอดให้พวกเราลงเพราะจุดหมายนั้นมาถึงนานแล้ว ก็คือที่ที่รถต้องเลี้ยวขวานั่นแหละ  อารมณ์นั้นผมหิวข้าวจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากกินข้าวร้อน ๆ ให้ร่างกายสดชื่นเพราะรู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการเดินทางเหลือเกิน
          พวกเราทั้งหมดเดินกันขึ้นทางลาดชันไปยังสถานที่ที่เราจะทำการก่อสร้างกัน เมื่อไปถึงพี่ ๆ ที่ใจดีก็ทำข้าวต้มไว้รอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว ผมเดินไปพร้อมกับตี๋และพี่เล็ก กั้ง  ระยะทางไม่ไกลนักจากจุดที่เราลงรถ แต่ทำไมก้าวขาไม่ค่อยออกเลย  เราคงไม่แก่เกินไปสำหรับการอออกค่ายแล้วนะ ผมถามตัวเอง เพราะสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม ๆ ที่มาจากมหพันธ์ เดินกันตัวปลิวโดยไม่มีอาการเมื่อยล้าเลย  ข้าวต้มมื้อเช้านั้นอร่อยที่สุดในชีวิตผมมื้อนึงของผมเลยทีเดียว ผมกินไปตั้ง  ชาม  แต่ดูจากน้องๆ ที่มาด้วยกันก้ไม่แตกต่าง ต่างทยอยมาตักข้าวต้มเพิ่มกันถ้วนหน้า  

          ฝนจะตกหรือเปล่าพี่หน่อง”  เอกกี้ถามผมเมื่อเดินมารวมกลุ่มรอคุณบัญญัติแถลงการณ์  “3 วันนี้ฝนจะไม่ตกหรอกเอก พี่มั่นใจ”  ผมบอกเอกเพราะรู้สึกตามที่บอกจริง ๆ   โดยไม่กลัวหน้าแตก แนะนำตัวก่อนนะครับ สำหรับรัฐมนโทด้านก่อสร้าง เอกกี้ คุณบัญญัติชี้แจง ผมแอบยิ้มๆ เพราะดูๆ เหมือนกับว่าเอกกี้มัวแต่หันไปมองสาวๆ โดยไม่ได้ฟังคุณบัญญัติพูดเลย  เอ ใครกันนะที่เอกกี้มองอยู่ ? ” ผมหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปสาวๆ ที่ยืนล้อมวงเก็บไว้  แล้วก็ไปสะดุดตากับน้องตัวเล็ก ๆ น่ารักๆ คนหนึ่ง  งั้นถ่ายคนนี้ไว้ด้วยดีกว่า ผมบอกกับตัวเองแล้วบันทึกภาพไปเรื่อย ๆ  จากนั้นก็มีพระสงฆ์มาประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นศิริมงคล นี่แหละสิ่งดี ๆ ที่ผมรออยู่และมั่นใจเต็มร้อยว่างานเราจะสำเร็จลุล่วงสมดังตั้งใจแน่นอน ตอนนี้บรรยากาศทุกคนเริ่มดีขึ้นมาก อาจจะเพราะได้กินข้าวต้มแสนอร่อย มีแรง มีกำลังใจจากพระสงฆ์  อารมณ์ดี อากาศดี แต่งานหนักยังรออเราอยู่ข้างหน้า  อย่างไรก็แล้วแต่ พวกเรามาถึงจุดหมายแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่พวกเราเองว่าเราจะดำเนินการอย่างไร  ผมหันหลังกลับไปมองถนนที่เราเดินผ่านขึ้นมา ไกลออกไปเป็นยอดภูลังกาสูงเสียดฟ้า พร้อมทั้งกระซิบกับสายลมว่า  สวัสดีภูลังกา
  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น