รถตู้ที่ผมนั่ง ค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงของภูลังกาขึ้นไปเรื่อย
ๆ ถนนที่รถวิ่งขึ้นภูเป็นยางมะตอย ทางไม่สูงชันมากนัก แต่ก็มีบางช่วงที่รถต้อง ผมนั่งมองวิวข้างทางด้วยอารมณ์เบิกบาน
ตี๋ไปนั่งข้างหน้าแล้ว ยิ่งมีที่นั่งให้ผมนั่งสบายๆ มากขึ้น
รถตู้อีกคันที่ออกมาจากเบทาโกรจะเป็นรถที่สาว ๆ เพื่อนๆ เปิ้ลนั่งกันมา ผมยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาชัด ๆ
เลยเห็นแต่ในรูปใบสมัคร ซึ่งเท่าที่ดูแต่ละคนก็น่ารักไปคนละแบบ
เมื่อรถวิ่งมาถึงศูนย์ฝึกอบรมที่เราตั้งใจมาทำงาน
ก็เกิดปัญหาเดิมอีก คือเรื่อง การสื่อสารซึ่งพาเราหลงทางเมื่อคืนนี้ “เราเลยมาแล้ว ต้องขับรถลงไปข้างล่าง” ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาอย่างนั้น “เราต้องเลี้ยวขวาไม่ใช่หรือ” ใครอีกคนพูดแย้งขึ้นมา เพราะแน่นอนแล้วว่าด้านหน้ารถตู้ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้
สุดท้ายคนขับจึงตัดสินใจขับรถลงไปด้านล่างอีกครั้ง คนขับรถคันผมก็ประเภท
มั่นใจเกินร้อยเหลือเกิน เมื่อคืนที่พาหลงทางก็เพราะไม่ฟังใครในรถทั้งๆ
ที่เอกกี้ก็ทักท้วงแล้วเชียวว่าผิด แต่พี่เค้าก็แบบ “เฮ้ย
ผมเคยมาแล้ว ไม่ต้องห่วง” แหม
มาแล้วก็หลงแล้วได้นะว่ามะ
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เมื่อรถวิ่งลงมา
200 เมตรก็ต้องจอดให้พวกเราลงเพราะจุดหมายนั้นมาถึงนานแล้ว
ก็คือที่ที่รถต้องเลี้ยวขวานั่นแหละ
อารมณ์นั้นผมหิวข้าวจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากกินข้าวร้อน ๆ
ให้ร่างกายสดชื่นเพราะรู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการเดินทางเหลือเกิน
พวกเราทั้งหมดเดินกันขึ้นทางลาดชันไปยังสถานที่ที่เราจะทำการก่อสร้างกัน
เมื่อไปถึงพี่ ๆ ที่ใจดีก็ทำข้าวต้มไว้รอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว
ผมเดินไปพร้อมกับตี๋และพี่เล็ก กั้ง
ระยะทางไม่ไกลนักจากจุดที่เราลงรถ แต่ทำไมก้าวขาไม่ค่อยออกเลย “เราคงไม่แก่เกินไปสำหรับการอออกค่ายแล้วนะ”
ผมถามตัวเอง
เพราะสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม ๆ ที่มาจากมหพันธ์
เดินกันตัวปลิวโดยไม่มีอาการเมื่อยล้าเลย ข้าวต้มมื้อเช้านั้นอร่อยที่สุดในชีวิตผมมื้อนึงของผมเลยทีเดียว
ผมกินไปตั้ง 3 ชาม แต่ดูจากน้องๆ ที่มาด้วยกันก้ไม่แตกต่าง
ต่างทยอยมาตักข้าวต้มเพิ่มกันถ้วนหน้า
“ฝนจะตกหรือเปล่าพี่หน่อง” เอกกี้ถามผมเมื่อเดินมารวมกลุ่มรอคุณบัญญัติแถลงการณ์
“3 วันนี้ฝนจะไม่ตกหรอกเอก
พี่มั่นใจ” ผมบอกเอกเพราะรู้สึกตามที่บอกจริง
ๆ โดยไม่กลัวหน้าแตก “แนะนำตัวก่อนนะครับ
สำหรับรัฐมนโทด้านก่อสร้าง เอกกี้” คุณบัญญัติชี้แจง ผมแอบยิ้มๆ เพราะดูๆ
เหมือนกับว่าเอกกี้มัวแต่หันไปมองสาวๆ โดยไม่ได้ฟังคุณบัญญัติพูดเลย “เอ
ใครกันนะที่เอกกี้มองอยู่ ? ” ผมหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปสาวๆ
ที่ยืนล้อมวงเก็บไว้
แล้วก็ไปสะดุดตากับน้องตัวเล็ก ๆ น่ารักๆ คนหนึ่ง งั้นถ่ายคนนี้ไว้ด้วยดีกว่า
ผมบอกกับตัวเองแล้วบันทึกภาพไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็มีพระสงฆ์มาประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นศิริมงคล
นี่แหละสิ่งดี ๆ ที่ผมรออยู่และมั่นใจเต็มร้อยว่างานเราจะสำเร็จลุล่วงสมดังตั้งใจแน่นอน
ตอนนี้บรรยากาศทุกคนเริ่มดีขึ้นมาก อาจจะเพราะได้กินข้าวต้มแสนอร่อย มีแรง
มีกำลังใจจากพระสงฆ์ อารมณ์ดี อากาศดี
แต่งานหนักยังรออเราอยู่ข้างหน้า อย่างไรก็แล้วแต่
พวกเรามาถึงจุดหมายแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่พวกเราเองว่าเราจะดำเนินการอย่างไร ผมหันหลังกลับไปมองถนนที่เราเดินผ่านขึ้นมา
ไกลออกไปเป็นยอดภูลังกาสูงเสียดฟ้า พร้อมทั้งกระซิบกับสายลมว่า “สวัสดีภูลังกา”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น