บริเวณจัดงานทรายคืนถิ่นจะเป็นสถานที่ด้านข้างของตึกวิทยาศาสตร์
ซึ่งที่ดินเดิมตรงนี้ สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน
จะเป็นหนองน้ำที่พวกเราถูกต้อนมาแช่น้ำโดยพวกรุ่นพี่ในเทศกาลรับน้อง
ตอนนี้กลายเป็นตึกรูปทรงทันสมัยไปหมดแล้ว
รอบ ๆ บริเวณที่จัดงานจะจัดเป็นซุ้มอาหาร ให้แต่ละคนเดินไปเลือกมาทานที่โต๊ะ
โดยที่ทางเข้าซึ่งเป็นด้านท้ายของงานจะเป็นโต๊ะสำหรับลงทะเบียน คนที่นั่งอยู่ที่ผมจำได้ก็คือพี่แอน
Science#13 ซึ่งสมัยนั้นเป็นลีดเดอร์ ของคณะ ผ่านไป 20
ปี พี่แอนก็ยังสวยอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนไปมาก
หลังจากผม
หน่อง พลลงทะเบียนเสร็จ พวกเราเดินไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อน ๆ ซึ่งรวมกลุ่มอยู่ด้านท้ายของสถานที่จัดงานใกล้
ๆ กับโต๊ะลงทะเบียน
เพราะพวกเรามากันค่อนข้างมาก เลยเอาโต๊ะกลม 4 ตัวมาต่อกันเป็นโต๊ะใหญ่และนั่งล้อมวงคุย ดื่มกินอาหารกัน
ผมจำไม่ได้แล้วว่าได้เหล้ามาสมทบจากไหน
เพราะคืนนั้นผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยและคอยฟังเพื่อน
ๆ เล่าเรื่องอำกันไปมา คนที่มาร่วมงานเมื่อเริ่มทยอยมา
ผมก็พยายามมองหาและนึกหน้าเทียบกับสมัยเรียน โชคดีที่เพื่อน ๆ
หน้าตาไม่เปลี่ยนไปมากนักและส่วนใหญ่จะดูสมบูรณ์พูนสุขกันทุกคน
แอ๊บเตรียมเสื้อที่ทำขึ้นเป็นที่ระลึกเมื่อสมัยเราเป็นเฟรชชี่มาใส่ในงานด้วย เป็นเสื้อสีขาว ด้านหลังสกรีนคำว่า Quarter
Science ด้านหน้าตรงอกด้านซ้ายเป็นตัวย่อ SWU อยู่บนลวดลาย
ซึ่งผมเคยถามเพื่อนที่ไปให้ร้านเสื้อทำว่าเอาแบบมาจากไหน
มีคนบอกว่าเอามาจากสมุดรายงานที่ขายที่สหกรณ์ในมหาวิทยาลัย
ซึ่งก็คงจะจริงเพราะเป็นลวดลายเดียวกัน
เสื้อตัวนี้ของผมถูกขโมยไปจากราวตากผ้าหอชายสิบ ตอนเรียนอยู่เทอมสอง
ปีหนึ่ง ยังเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้
คนที่ทำให้ผมรู้สึกด้อยไปในคืนนั้นก็คืออนันต์
อนันต์หน้าตาดีจนเวอร์แล้วก็อ่อนวัยมากจนดูเหมือนกับคนละรุ่นกับผม ส่วนใหม่ก็มางานทั้ง ๆ ที่เพิ่งกลับจากน่าน
แววตามีความสุข แต่ก็ฉ่ำ ๆ เพราะฤทธิ์เหล้าพอสมควร สมโภชน์ รัตน์ มาพร้อมครอบครัว
ส่วนคนที่ผมเห็นแล้วทึ่งเพราะกาลเวลาทำร้ายหน้าตาไม่ได้ก็คือเปา ภาพเมื่อ 20 ปีก่อนที่เปาเดินตามสาวพยาบาลยังเหมือนกับเปาที่ผมเจอตัวเป็น
ๆ คืนนั้น อาจจะเป็นเพราะโดยนิสัย เปาเป็นคนอารมณ์ดี มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจก็ได้ หน่อง โดม และติ๊กก็เป็นอีก 3 คนที่ผมเจองานรวมกลุ่มกันทุกครั้ง
จนคิดไม่ออกว่าหากไม่มี 3 คนนี้งานจะยังสนุกและสมบูรณ์เหมือนที่เคยเป็นมาหรือเปล่า หน่อยเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่บางแสน
หน่อยคืนนั้นดูสวยเหมือนสมัยเรียนผมยังนึกถึงคำพูดที่เต้าเจี้ยวชมว่าหน่อยเป็นคนที่สวยคนหนึ่งในรุ่นก็เลยยิ้มและบอกตัวเองว่าจริงแฮะ
ส่วนแก้มซึ่งก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเช่นกันก็มาร่วมโต๊ะกับพวกเราด้วย
ผมไม่ค่อยกล้าพูดแซวแก้มนักเพราะเริ่มเมานิด ๆ กลัวจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านอื่น
ๆ คงติดธุระกัน เลยไม่ได้มาร่วมงานด้วย
ระหว่างงานกำลังดำเนินไป
ก็มีการเลือกประธานศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์คนใหม่
ซึ่งเป็นพี่โรงที่เป็นประธานศิษย์เก่าที่ได้รับเลือก ผมตระเวนเดินไปสวัสดีรุ่นพี่หลาย ๆ
ท่านที่ได้เป็นเพื่อนกันทาง Facebook บางท่านก็จำผมได้ บางท่านก็จำไม่ได้
แต่คนที่จำได้แน่ ๆ ก็คือพี่แอน เพราะผมถูกพี่แอนแดกดันผ่าน Facebook เป็นประจำอยู่แล้ว บรรยากาศคืนนั้นสนุกสนาน
ผัดไทก็อร่อยจนผมเวียนไปดูหน้าน้องคณะคนสวยเสียหลายรอบ ฉัตรชัยจะแซวยังไงผมก็เฉยๆ
เพราะความสุขของหนุ่มวัยกลางคนหากไม่ชอบมองเด็กสาวสวย ๆ มันเหมือนขาดอะไรไปอยู่นะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
คำกล่าวนี้ออกจะเชย ๆ และเก่าคร่ำครึ แต่มันก็ต้องมาถึงจนได้ในเวลาหนึ่งของคืนนั้น
เพื่อน ๆ เริ่มทยอยกลับบ้าน ส่วนผมกว่าจะร่ำลาจากเพื่อน ๆ และจากงานก็ดึกโข
ใจจริงผมอยากจะค้างที่บางแสนและไปทานข้าวต้มกับหน่องหญิงนะ แต่ก็ห่วงคนที่บ้าน
เพราะหากเวลาเนิ่นนานออกไป กลัวอะไร ๆ
ที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นกับชีวิตอันแสนสุขของผมและอาจจะไม่ได้มาร่วมงานที่เต็มไปด้วยความสุข
พูดคุยกันถึงความหลังกับเพื่อน ๆ อีกในครั้งต่อไปก็เป็นได้
19 พฤศจิกายน 2557
ต้นจำปูนหลังบ้าน