ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเรียนชั้นเดียวกับปื๊ด
หรือในชื่อจริงตามใบแจ้งเกิดว่า ด.ช. สุริยน นามสกุล คำตรงในปีไหนกันแน่ จะเป็นปี 2525 ที่เราเรียนอยู่ชั้นป. 5
หรือปี 2526 ที่เราเรียนชั้น ป.6
ก็ไม่รู้เหมือนกัน
รู้แต่แค่ว่า เค้าเป็นรุ่นพี่ที่สอบตกและรอผมอยู่ในปีดังกล่าวและเรียนจบออกมาพร้อมกับผมในปีการศึกษา
2526 โรงเรียนบ้านชากลูกหญ้า โรงเรียนที่มีการปักตัวอักษรย่อที่อกด้านขวาของเสื้อนักเรียนว่า
ป.ร.ย. ๗๓ ซึ่งสมัยเด็ก ๆ พวกเราเดาเอาว่า ป.ร.ย. น่าจะย่อมาจาก ไประยอง เพราะโรงเรียนเราตั้งอยู่ในอำเภอเมือง
จังหวัดระยอง
ปื๊ดในปีที่ผมรู้จักเป็นเด็กผู้ชายตัวดำ
ๆ ไม่ค่อยพูดอะไร เป็นเด็กในหมู่บ้าน
ซึ่งคำว่าเด็กในหมูบ้านก็จะหมายถึงเด็กที่มีถิ่นพำนักพักอาศัยอยู่ในซอยมิตรประชา ซึ่งสภาพแวดล้อมสมัย
30
กว่าปีก่อนนั้นยังธรรมชาติสุด ๆ
แวดล้อมไปด้วยท้องไร่ ท้องนา กบ เขียด ปลาในน้ำยังอุดมสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมแบบนี้กระมังที่อาจจะเป็นสิ่งดึงดูดใจปื๊ดให้รักในธรรมชาติ
รักในการผจญภัยแบบเด็ก ๆ จนอาจจะละเลยในเรื่องการเล่าเรียนขั้นพื้นฐาน
และรอเรียนพร้อมผมจากการที่ไม่ผ่านเกณฑ์การขึ้นชั้นในสมัยก่อน
ในช่วงประถมศึกษาชั้น ป.5
ขึ้นไปนั้น
ด้วยวัยที่ล่วงเข้าไป 11 ขวบและกำลังย่างก้าวเข้าไปเป็นวัยรุ่น
ความสนิทสนมของผมกับปื๊ดเลยไม่ได้ก้าวหน้ามากไปกว่าการเป็นเพื่อร่วมชั้นกันเท่านั้น
โดยผมเป็นหัวหน้าห้อง หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ป.6
และกิจกรรมที่ผมกับปื๊ดทำด้วยกันและดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่จำได้ก็คือ
การที่ผมบอกให้เพื่อน ๆ จดรายละเอียดความรู้ในหนังสือเรียนที่เราไม่มีเป็นเล่ม ๆ
ไว้อ่าน หนังสือที่คุณครูมอบหมายให้ผมอ่านนำ และลูกน้องในห้องทุกคนจดตาม
ด้วยวัย เวลา ที่ผ่านไป
ผมได้พบกับปื๊ดเป็นระยะๆ ที่หมู่บ้านชากลูกหญ้า
ซึ่งผมได้มีโอกาสกลับไปไม่ค่อยบ่อยครั้งนัก ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงสงกรานต์ ปื๊ดซึ่งหลงใหลในเกมส์กีฬาลูกหนัง
ผันตัวเองไปเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลที่มีการเตรียมทีมเพื่อส่งไปแข่งในทัวร์นาเม้นท์เล็ก
ๆ ตามหมู่บ้านใกล้เคียงกับหมู่บ้านชากลูกหญ้า
ซึ่งผมมักจะสละเวลาไปให้กำลังใจอยู่เสมอ
เพราะช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลโดยเฉพะที่โรงเรียนวัดมาบชลูด
ซึ่งการแข่งขัน จะมีไปถึงวันที่ 17
เมษายนของทุกปี
“มณเฑียร
เรามีเรื่องให้ช่วยหน่อยสิ” เสียงของปื๊ดดังมาตามสายโทรศัพท์เมื่อผมกลับมาจากระยองในช่วงสงกรานต์ปีหนึ่งซึ่งผมได้เบอร์โทรจากปื๊ดในวันที่ผมไปทำบุญที่วัดชากลูกหญ้า
โดยน้ำเสียงของปื๊ด ผมแทบจะเดาออกว่าปื๊ดจะพูดเรื่องอะไร
เพราะได้รับปากว่าจะช่วยเหลืองเรื่องทีมฟุตบอลไว้ตั้งแต่บนวัดแล้ว โดยปื๊ดอยากจะได้เสื้อทีมแข่งขันผมเลยโอนเงินตามจำนวนที่ปื๊ดแจ้งมาให้ไป
และอวยพรให้ปื๊ดมีโชคในการแข่งขัน
สงกรานต์ปี 2557 ขณะที่ผมกำลังยืนคุยกับน้องชายกับน้องสาวที่บริเวณต้นไทยหน้าวัดชากลูกหญ้าในวันสงกรานต์ปีที่
43 ในชีวิตช่วงวัยกลางคนของผม
เสียงโห่ร้อง ปรบมือดังมาจากบริเวณเสาน้ำมันที่มีการนำเงินไปเสียบไว้ด้านบนสุดของยอดเสา
ปื๊ดถูกแบกด้วยเพื่อนในหมู่บ้านให้ขึ้นไปถึงจุดที่จะหยิบเงินแบ๊งค์พันได้
ซึ่งผมเห็นแล้วก็ได้แต่ขำ เพราะภาพที่เห็นปื๊ดเหยียบหัวเจ้าจุ่นลูกอาตาขึ้นไป
จนสามารถนำเงินรางวัลดังกล่าวลงมาได้พร้อมสียงโห่ร้องยินดีปรีดาของเพื่อน ๆ โดยปื๊ดถูกรายรอบไปด้วยเด็กชากลูกหญ้าที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาในวัยที่ก้าวล่วงไปเป็นชายวัยกลางคนกันทั้งนั้น
ความสนุกสนานในวันสงกรานต์ทำให้ทุกคนลืมวัย
มีแต่ความสุขและยิ้มสมหวังกันทุกคนรวมทั้งผมไปด้วย
ผ่านไปไม่ถึง 2 เดือนจากวันสงกรานต์ที่ผมได้พบปื๊ด
ผมได้รับแจ้งข่าวการเสียชีวิตของปื๊ดจากสาธิตเพื่อนร่วมรุ่นประถมศึกษาด้วยกัน มันทำให้ผมครุ่นคิดอย่างหนักว่าอะไรกันหนอที่ทำให้เค้าจากไปในวัยที่ยังไม่สมควร
ในช่วงเวลากลางวันวันนั้น ผมยังได้พูดคุยกับคุณครูบัญชาและเพื่อน
ๆ กลุ่มเล็กๆ
ที่มีความคิดกันว่าจะจัดเลี้ยงคุณครูและพวกเราที่ได้จบจากโรงเรียนชั้นประถมศึกษาบ้านชากลูกหญ้ามา 30
ปีพอดี พวกเราพลิกอัลบั้มรูปศิษย์เก่าและไล่ดูหน้าตาใสบ้องแบ๊วของแต่ละคน
และอำกันไปมา จนพลิกไปถึงรูปปื๊ด และบอกกันในกลุ่มว่า ปื๊ดอยู่ที่โรงพยาบาล
ซึ่งในขณะนั้นยังหวังว่าปื๊ดจะกลับมาได้และเข้ามาร่วมสังสรรค์ด้วยกันในอีก 4
เดือนข้างหน้า แต่สุดท้ายก็อย่างที่รับรู้ปื๊ดจากไปแล้วในช่วงบ่ายวันนั้นเอง
ผมนึกย้อนเวลาที่ผ่านมาของตัวผมเอง
ความทรงจำผมวัยเด็กบางอย่างก็แจ่มชัด บางอย่างก็จางลงไปจนแทบจำไม่ได้
แต่สิ่งที่ผมจำได้และนึกถึงเพื่อนคนนี้ที่ชื่อปื๊ดก็คือ ชายร่างดำรูปร่างสันทัด
ชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เด็กตัวดำๆ
ที่มักจะนั่งอยู่หลังห้องและบางครั้งก็แซวผมที่เป็นหัวหน้าห้อง เด็กดื้อๆที่จิตใจเบิกบาน
ขอให้ปื๊ดสงบสุข ณ ดินแดนสัมปรายภพ ผมจะนึกถึงและจดจำเค้าไว้ตลอดไป
Everything must pass
…away.
ด้วยความระลึกถึง
มณเฑียร
เนินอุไร
24 พฤษภาคม 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น