พลขับรถเชฟโรเล็ทแวน
มาหาผมที่บ้านคลองสองในช่วงสายของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม
2556 เพื่อรับผมไปร่วมงานซายน์คืนถิ่นซึ่งจัดขึ้นที่ ม.
บูรพา บางแสน ก่อนวันงานผมได้นัดหมายรวมทั้งช่วยกระตุ้นให้เพื่อน
ๆ ทราบทางเฟซบุ๊ก ในกลุ่ม Quarter
Science ไปบ้างพอสมควร ลึกๆ
แล้วผมก็กลัวเหมือนกันว่าพวกเราจะไปกันน้อย
อีกทั้งช่วงนี้ก็เป็นหน้าเทศกาลท่องเที่ยวกันแล้ว ลมหนาวก็เริ่มโชยมา
บรรยากาศก็น่าออกต่างจังหวัดทางภาคเหนือกัน ยิ่งผมดูความเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊ค
ใหม่กับภรรยาคนสวยก็ไปฝังตัวอยู่น่านก่อนวันนี้เป็นอาทิตย์
ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า แต่อย่างหนึ่งทีทำให้ค่อนข้างใจชื้นขึ้นมาก็คือ
ฉัตรพ่อน้องออมสิน รับปากกับผมเมื่อกลางปีว่า จะพาเพื่อน ๆ
ที่ทำงานอยู่ที่ระยองมาร่วมงานแน่นอน ครั้งแรกผมกะว่าจะไปรถพล แต่คุณภรรยาใจดี
บอกให้ผมเอารถเธอไปใช้แทน อันนี้ไม่รู้ว่ากลัวผมจะไปเมาค้างคืนหรือเปล่า
เพราะถ้าเอารถเธอไปใช้ ก็ต้องรีบนำกลับมาคืน เพราะก่อนออกจากบ้าน เธอบอกว่า “เค้าจะไปหาแม่วันอาทิตย์ คุณเทียนรีบกลับบ้านนะ”
ผมเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์
ในการเดินทางไปบางแสน ระหว่างทางผมโทรศัพท์ไปหานิน เพื่อจะสอบถามว่าจะมาถึงงานกี่โมง
นินบอกว่ายังง่วน ๆ เรื่องลูกอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะนินจัดคิวมาเจอกับเพื่อน ๆ
อยู่แล้ว จากนั้นก็โทรศัพท์แจ้งหน่องชาย ขณะที่ผมขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัย ผมอดทึ่งไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่แทบจะเรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ
หอชายสิบที่คุ้นเคยถูกรื้อไปนานแล้ว ตึกใหม่ ๆ แปลก ๆ ถูกสร้างขึ้นบนที่ดินที่เคยเป็นหอชาย
ตั้งแต่หอ 10 9 8 ไล่เรื่อย ๆ
ผมขับรถพลางพยายามนึกเปรียบเทียบรูปแบบการจัดวางอาคารในปัจจุบันกับรูปแบบการวางในความทรงจำ
ปรากฏว่าจำแทบไม่ได้ สุดท้ายเลยขับรถไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงข้าง ๆ สนามเทนนิสใกล้
ๆ กับ ความทรงจำเก่า ๆ ถึงได้แล่นกลับมาอีกครั้ง
หลังจากจอดรถที่ถนนใกล้
ๆ สนามเทนนิส ผมโทรแจ้งให้หน่องทราบ พร้อมทั้งนัดหมายมาทานข้าวกลางวันร่วมกันก่อนแก้หิว
โดยเรานัดกันไปทานข้าวที่ร้านโบราณ ร้านอาหารสุดโปรดของพวกเราเมื่อ 20 ปีก่อนและยังเป็นร้านที่ผมกับอ๊อดเคยไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ช่วงหนึ่ง
สถานที่ตั้งร้านนั้นจะอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางไปร้านหากขับรถออกจากมหาวิทยาลัยจะผ่านโรงเรียน
สาธิตพิบูลย์บำเพ็ญ ผมตกลงจะนำรถไปจอดที่หน้าตึกวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน
และเราสามคนอาศัยไปกับรถเก๋งของหน่อง
พล หน่อง และผม
สั่งกับแกล้มมาทานพร้อมกับเหล้ารีเจนซี่
เราสามคนคุยกันออกรสเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมานาน จากเวลาบ่าย 4 โมง เวลาล่วงเลย จวนใกล้จะหกโมงเย็น
หน่องหญิงก็ Line เข้ามาถามว่าเมื่อไหร่จะมา ผมอ่าน
Line ให้หน่องกับพลฟังพลางมองหน้ากันแล้วก็ขำ
เพราะตอนนี้เหล้าเข้าปากชักจะติดลม
ยังไม่อยากไปที่งาน แต่นั่งไปเดี๋ยวหน่องหญิงจะตามมาเขมือบหัวเอว เลยเรียกเด็กในร้านมาคิดเงินค่าเสียหาย
พลใจดีจ่ายค่าอาหารให้ซะด้วย เลยชักจะเกรงใจ หากเรียกพลเฉย ๆ
ขยับปากจะเรียกว่าเสี่ยพลก็กลัวเพื่อนจะโกรธเลยกล่าวขอบคุณและพากันไปที่รถหน่องเพื่อเดินทางไปยังงาน ก่อนกลับผมสอบถามเด็กในร้านว่าเจ้าของไปไหน
เด็ก ๆ ตอบมาว่า พี่เค้าเป็นเบาหวาน และนอนพักตัวอยู่ที่ชั้นสอง ส่วนภรรยานั้นได้แยกกันไปทำธุรกิจร้านอาหารที่บริเวณใกล้เคียงกัน
ผมฟังเสร็จก็พยักหน้ารับทราบพลางนึกในใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่คู่โลกจริง ๆ
จากนั้นหน่องก็พาเราทั้ง 3 คนมุ่งตรงสู่งานซายน์คืนถิ่น งานที่ผมเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยเรียน
ป.ตรีที่บางแสนนี้ ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเข้าร่วมในฐานะศิษย์เก่า
และตื่นเต้นที่จะได้พบหน้าเพื่อน ๆ
ซึ่งบางคนผมไม่ได้เจอหน้ามาเกือบ 20 ปีแล้ว
ต้นจำปูนหลังบ้าน
13 พฤศจิกายน 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น