วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทรายคืนถิ่น 2556 Part I


พลขับรถเชฟโรเล็ทแวน มาหาผมที่บ้านคลองสองในช่วงสายของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2556 เพื่อรับผมไปร่วมงานซายน์คืนถิ่นซึ่งจัดขึ้นที่ ม. บูรพา บางแสน  ก่อนวันงานผมได้นัดหมายรวมทั้งช่วยกระตุ้นให้เพื่อน ๆ  ทราบทางเฟซบุ๊ก ในกลุ่ม Quarter Science  ไปบ้างพอสมควร ลึกๆ แล้วผมก็กลัวเหมือนกันว่าพวกเราจะไปกันน้อย อีกทั้งช่วงนี้ก็เป็นหน้าเทศกาลท่องเที่ยวกันแล้ว ลมหนาวก็เริ่มโชยมา บรรยากาศก็น่าออกต่างจังหวัดทางภาคเหนือกัน ยิ่งผมดูความเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊ค ใหม่กับภรรยาคนสวยก็ไปฝังตัวอยู่น่านก่อนวันนี้เป็นอาทิตย์ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาหรือเปล่า แต่อย่างหนึ่งทีทำให้ค่อนข้างใจชื้นขึ้นมาก็คือ ฉัตรพ่อน้องออมสิน รับปากกับผมเมื่อกลางปีว่า จะพาเพื่อน ๆ ที่ทำงานอยู่ที่ระยองมาร่วมงานแน่นอน ครั้งแรกผมกะว่าจะไปรถพล แต่คุณภรรยาใจดี บอกให้ผมเอารถเธอไปใช้แทน อันนี้ไม่รู้ว่ากลัวผมจะไปเมาค้างคืนหรือเปล่า เพราะถ้าเอารถเธอไปใช้ ก็ต้องรีบนำกลับมาคืน เพราะก่อนออกจากบ้าน เธอบอกว่า เค้าจะไปหาแม่วันอาทิตย์ คุณเทียนรีบกลับบ้านนะ
ผมเลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ในการเดินทางไปบางแสน ระหว่างทางผมโทรศัพท์ไปหานิน เพื่อจะสอบถามว่าจะมาถึงงานกี่โมง นินบอกว่ายังง่วน ๆ เรื่องลูกอยู่ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะนินจัดคิวมาเจอกับเพื่อน ๆ อยู่แล้ว จากนั้นก็โทรศัพท์แจ้งหน่องชาย ขณะที่ผมขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัย ผมอดทึ่งไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่แทบจะเรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ หอชายสิบที่คุ้นเคยถูกรื้อไปนานแล้ว ตึกใหม่ ๆ แปลก  ๆ ถูกสร้างขึ้นบนที่ดินที่เคยเป็นหอชาย ตั้งแต่หอ 10 9  8  ไล่เรื่อย ๆ ผมขับรถพลางพยายามนึกเปรียบเทียบรูปแบบการจัดวางอาคารในปัจจุบันกับรูปแบบการวางในความทรงจำ ปรากฏว่าจำแทบไม่ได้ สุดท้ายเลยขับรถไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงข้าง ๆ สนามเทนนิสใกล้ ๆ กับ ความทรงจำเก่า ๆ ถึงได้แล่นกลับมาอีกครั้ง
หลังจากจอดรถที่ถนนใกล้ ๆ สนามเทนนิส ผมโทรแจ้งให้หน่องทราบ พร้อมทั้งนัดหมายมาทานข้าวกลางวันร่วมกันก่อนแก้หิว โดยเรานัดกันไปทานข้าวที่ร้านโบราณ ร้านอาหารสุดโปรดของพวกเราเมื่อ 20  ปีก่อนและยังเป็นร้านที่ผมกับอ๊อดเคยไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ช่วงหนึ่ง  สถานที่ตั้งร้านนั้นจะอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางไปร้านหากขับรถออกจากมหาวิทยาลัยจะผ่านโรงเรียน สาธิตพิบูลย์บำเพ็ญ ผมตกลงจะนำรถไปจอดที่หน้าตึกวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน และเราสามคนอาศัยไปกับรถเก๋งของหน่อง
          พล หน่อง และผม สั่งกับแกล้มมาทานพร้อมกับเหล้ารีเจนซี่  เราสามคนคุยกันออกรสเหมือนไม่ได้เจอหน้ากันมานาน จากเวลาบ่าย  4 โมง เวลาล่วงเลย จวนใกล้จะหกโมงเย็น หน่องหญิงก็  Line  เข้ามาถามว่าเมื่อไหร่จะมา ผมอ่าน Line  ให้หน่องกับพลฟังพลางมองหน้ากันแล้วก็ขำ  เพราะตอนนี้เหล้าเข้าปากชักจะติดลม ยังไม่อยากไปที่งาน แต่นั่งไปเดี๋ยวหน่องหญิงจะตามมาเขมือบหัวเอว เลยเรียกเด็กในร้านมาคิดเงินค่าเสียหาย พลใจดีจ่ายค่าอาหารให้ซะด้วย เลยชักจะเกรงใจ หากเรียกพลเฉย ๆ  ขยับปากจะเรียกว่าเสี่ยพลก็กลัวเพื่อนจะโกรธเลยกล่าวขอบคุณและพากันไปที่รถหน่องเพื่อเดินทางไปยังงาน  ก่อนกลับผมสอบถามเด็กในร้านว่าเจ้าของไปไหน เด็ก ๆ ตอบมาว่า พี่เค้าเป็นเบาหวาน และนอนพักตัวอยู่ที่ชั้นสอง ส่วนภรรยานั้นได้แยกกันไปทำธุรกิจร้านอาหารที่บริเวณใกล้เคียงกัน  ผมฟังเสร็จก็พยักหน้ารับทราบพลางนึกในใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่คู่โลกจริง      จากนั้นหน่องก็พาเราทั้ง  3  คนมุ่งตรงสู่งานซายน์คืนถิ่น งานที่ผมเคยได้ยินชื่อมาตั้งแต่สมัยเรียน ป.ตรีที่บางแสนนี้  ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเข้าร่วมในฐานะศิษย์เก่า และตื่นเต้นที่จะได้พบหน้าเพื่อน ๆ  ซึ่งบางคนผมไม่ได้เจอหน้ามาเกือบ  20  ปีแล้ว     

ต้นจำปูนหลังบ้าน
13  พฤศจิกายน  2557



      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น