ก่อนที่ผมจะไปร่วมงาน
ทรายคืนถิ่นเมื่อปลายปี 2556
ที่ ม. บูรพา นั้น ผมเคยนั่งนึกไปถึงวันที่ไปร่วมงานเผาศพต้องที่แปดริ้วเมื่อเดือน
พฤษภาคม ปีเดียวกัน สิ่งที่ยังลอยวนอยู่ในหัวก็คือ
ต้องไปอยู่ที่ไหนกันนะ
แล้วเรามีกิจกรรมอะไรร่วมกันบ้างหลังจากจบจาก ม. บูรพาเมื่อ 20 ปีก่อน สิ่งที่ผมนึกออกก็คือ
งานแต่งงานผมในปีที่น้ำท่วมใหญ่ 2554 ที่ต้องมาร่วมอวยพรถึงบ้านงาน ,
การเดินทางไปเที่ยวเกาะเสม็ดกับกลุ่มเด็กหอ 5 ในปลายปี
2537 โดยมียุ้ยเป็นผู้นำกลุ่มไป
ซึ่งต้องก็ไปด้วยกัน มีเพียง 2 กิจกรรมเท่านี้จริง ๆ ที่ผมได้ทำร่วมกันกับต้อง แต่วันนี้ต้องไม่อยู่แล้ว
เพราะอย่างนั้นผมเลยตั้งใจไปงานทรายคืนถิ่นที่บางแสน
การรับปากกับฉัตรชัยด้วยการจับมือกันว่าเราจะไปเจอกันตอนปลายปี
ก็เป็นเหมือนสัญญาที่ว่าเราจะหาเวลามาอยู่ร่วมกันอีก และเพราะอยากระลึกถึงความหลัง
คิดถึงวันคืนเก่า ๆ ที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันมา
เพราะวัยที่เปลี่ยนไป
รวมทั้งผ่านการทำงานมาระยะเวลาหนึ่ง ความรู้สึกปัจจุบันกลับกลายไปเป็นว่า
เราจะมีชีวิตอยู่ถึงวันไหน เราจะมีคนให้เราพูดคุยในเรื่องเก่า ๆ ซักกี่คน
หรือเราจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างไร สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
หากเราจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของมัน เราก็ต้องตัดสินใจที่จะร่วมเดินเข้าไปหา ผมเชื่อในเรื่องโชคชะตา
แต่ก็ไม่เคยละทิ้งการตัดสินที่จะไป หากเราเป็นนักวิทยาศาสตร์
สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้กันมาตลอดก็คือ หากเราออกแรงอะไรออกไป
ย่อมมีแรงสะท้อนกลับมา ซึ่งทางพุทธนั้นอธิบายว่า
ผลทั้งหลาย ล้วนมาแต่เหตุ
หลายครั้งสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
มีผลทำให้คนเราตัดสินใจไปคนละอย่าง มุมมองแต่ละคนออกไปเป็นหลาย
ๆ แบบ แต่ส่วนที่สำคัญก็คือ เรายังเคยมีวันเวลาดี ๆ ร่วมกันตั้ง 4 ปี ในวันนั้นช่วงเวลา ปี 1 เราจะแข่งกันเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพื่อที่จะเข้าเรียนในวิชาเอกที่ทางเลี้ยงชีพค่อนข้างจะสุกใสหลังเรียนจบ ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการทำงานซึ่งเป็นสิ่งส่งเสริมให้ชีวิตสะดวกสบาย
แต่ผ่านมา 20 ปี สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขก็คือ
การได้รับรู้ความเป็นไปของเพื่อน ๆ แต่ละคน การได้พูดคุยถึงความหลังเมื่อมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปนาน
อีกทั้งวัยที่ล่วงเข้าใกล้ 50 ปี ก็ทำให้มองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น โลกของการเกิด แก่ เจ็บ …
ส่วนสุดท้ายของชีวิตก็คงไม่ต้องบอกว่าคืออะไร
ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้คิดถึงมันเท่านั้นเอง
วันที่หน่องหญิงชวนไปทานข้าวใน
Line ผมก็ไม่รั้งรอที่จะตอบรับ และรีบชักชวนเพื่อนคนอื่น ๆ
เพราะไม่อยากให้ปีที่ล่วงไปอีก 1 ปีอย่างไร้ความหมาย
ในใจอยากจะบันทึกเป็น Mile Stone บันทึกความทรงจำด้วยการกินข้าวร่วมกัน หรือแค่พูดคุยกัน
10 นาทีผมก็ยอม
ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใครในชีวิต แต่ผมตัดสินใจเลือกที่จะไปหาเพื่อนเก่า ๆ
ก่อนที่วันคืนเหล่านั้นจะล่วงไป โดยไม่คิดเสียดายเวลาแม้ซักวินาทีเดียว
11 พฤศจิกายน 2557
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น