วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนึ่งปีที่ล่วงผ่าน


                   ก่อนที่ผมจะไปร่วมงาน ทรายคืนถิ่นเมื่อปลายปี  2556  ที่ ม. บูรพา  นั้น ผมเคยนั่งนึกไปถึงวันที่ไปร่วมงานเผาศพต้องที่แปดริ้วเมื่อเดือน พฤษภาคม  ปีเดียวกัน  สิ่งที่ยังลอยวนอยู่ในหัวก็คือ ต้องไปอยู่ที่ไหนกันนะ  แล้วเรามีกิจกรรมอะไรร่วมกันบ้างหลังจากจบจาก ม. บูรพาเมื่อ  20 ปีก่อน  สิ่งที่ผมนึกออกก็คือ งานแต่งงานผมในปีที่น้ำท่วมใหญ่  2554  ที่ต้องมาร่วมอวยพรถึงบ้านงาน , การเดินทางไปเที่ยวเกาะเสม็ดกับกลุ่มเด็กหอ 5   ในปลายปี  2537  โดยมียุ้ยเป็นผู้นำกลุ่มไป ซึ่งต้องก็ไปด้วยกัน  มีเพียง 2 กิจกรรมเท่านี้จริง ๆ ที่ผมได้ทำร่วมกันกับต้อง แต่วันนี้ต้องไม่อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นผมเลยตั้งใจไปงานทรายคืนถิ่นที่บางแสน การรับปากกับฉัตรชัยด้วยการจับมือกันว่าเราจะไปเจอกันตอนปลายปี ก็เป็นเหมือนสัญญาที่ว่าเราจะหาเวลามาอยู่ร่วมกันอีก และเพราะอยากระลึกถึงความหลัง คิดถึงวันคืนเก่า ๆ ที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันมา 
                       เพราะวัยที่เปลี่ยนไป รวมทั้งผ่านการทำงานมาระยะเวลาหนึ่ง ความรู้สึกปัจจุบันกลับกลายไปเป็นว่า เราจะมีชีวิตอยู่ถึงวันไหน เราจะมีคนให้เราพูดคุยในเรื่องเก่า ๆ ซักกี่คน หรือเราจะทำสิ่งต่าง ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างไร สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากเราจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของมัน เราก็ต้องตัดสินใจที่จะร่วมเดินเข้าไปหา    ผมเชื่อในเรื่องโชคชะตา แต่ก็ไม่เคยละทิ้งการตัดสินที่จะไป หากเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้กันมาตลอดก็คือ หากเราออกแรงอะไรออกไป ย่อมมีแรงสะท้อนกลับมา   ซึ่งทางพุทธนั้นอธิบายว่า ผลทั้งหลาย ล้วนมาแต่เหตุ
              หลายครั้งสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีผลทำให้คนเราตัดสินใจไปคนละอย่าง  มุมมองแต่ละคนออกไปเป็นหลาย ๆ แบบ แต่ส่วนที่สำคัญก็คือ เรายังเคยมีวันเวลาดี ๆ ร่วมกันตั้ง  4  ปี  ในวันนั้นช่วงเวลา ปี 1  เราจะแข่งกันเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะเข้าเรียนในวิชาเอกที่ทางเลี้ยงชีพค่อนข้างจะสุกใสหลังเรียนจบ ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการทำงานซึ่งเป็นสิ่งส่งเสริมให้ชีวิตสะดวกสบาย แต่ผ่านมา 20 ปี สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขก็คือ การได้รับรู้ความเป็นไปของเพื่อน ๆ แต่ละคน  การได้พูดคุยถึงความหลังเมื่อมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปนาน  อีกทั้งวัยที่ล่วงเข้าใกล้ 50 ปี ก็ทำให้มองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น โลกของการเกิด แก่  เจ็บ   ส่วนสุดท้ายของชีวิตก็คงไม่ต้องบอกว่าคืออะไร ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้คิดถึงมันเท่านั้นเอง 
                      วันที่หน่องหญิงชวนไปทานข้าวใน Line ผมก็ไม่รั้งรอที่จะตอบรับ และรีบชักชวนเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะไม่อยากให้ปีที่ล่วงไปอีก 1 ปีอย่างไร้ความหมาย ในใจอยากจะบันทึกเป็น Mile Stone  บันทึกความทรงจำด้วยการกินข้าวร่วมกัน หรือแค่พูดคุยกัน 10  นาทีผมก็ยอม ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใครในชีวิต แต่ผมตัดสินใจเลือกที่จะไปหาเพื่อนเก่า ๆ ก่อนที่วันคืนเหล่านั้นจะล่วงไป โดยไม่คิดเสียดายเวลาแม้ซักวินาทีเดียว


11 พฤศจิกายน 2557

ต้นจำปูนหลังบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น