วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทรายคืนถิ่น 2556 Part II

               บริเวณจัดงานทรายคืนถิ่นจะเป็นสถานที่ด้านข้างของตึกวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่ดินเดิมตรงนี้ สมัยเมื่อ 20  ปีก่อน จะเป็นหนองน้ำที่พวกเราถูกต้อนมาแช่น้ำโดยพวกรุ่นพี่ในเทศกาลรับน้อง ตอนนี้กลายเป็นตึกรูปทรงทันสมัยไปหมดแล้ว  รอบ ๆ บริเวณที่จัดงานจะจัดเป็นซุ้มอาหาร ให้แต่ละคนเดินไปเลือกมาทานที่โต๊ะ  โดยที่ทางเข้าซึ่งเป็นด้านท้ายของงานจะเป็นโต๊ะสำหรับลงทะเบียน คนที่นั่งอยู่ที่ผมจำได้ก็คือพี่แอน Science#13 ซึ่งสมัยนั้นเป็นลีดเดอร์ ของคณะ ผ่านไป 20 ปี พี่แอนก็ยังสวยอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนไปมาก 
หลังจากผม หน่อง พลลงทะเบียนเสร็จ พวกเราเดินไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อน ๆ  ซึ่งรวมกลุ่มอยู่ด้านท้ายของสถานที่จัดงานใกล้ ๆ กับโต๊ะลงทะเบียน  เพราะพวกเรามากันค่อนข้างมาก เลยเอาโต๊ะกลม 4 ตัวมาต่อกันเป็นโต๊ะใหญ่และนั่งล้อมวงคุย ดื่มกินอาหารกัน ผมจำไม่ได้แล้วว่าได้เหล้ามาสมทบจากไหน เพราะคืนนั้นผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยและคอยฟังเพื่อน ๆ เล่าเรื่องอำกันไปมา คนที่มาร่วมงานเมื่อเริ่มทยอยมา ผมก็พยายามมองหาและนึกหน้าเทียบกับสมัยเรียน โชคดีที่เพื่อน ๆ หน้าตาไม่เปลี่ยนไปมากนักและส่วนใหญ่จะดูสมบูรณ์พูนสุขกันทุกคน   แอ๊บเตรียมเสื้อที่ทำขึ้นเป็นที่ระลึกเมื่อสมัยเราเป็นเฟรชชี่มาใส่ในงานด้วย   เป็นเสื้อสีขาว ด้านหลังสกรีนคำว่า Quarter Science    ด้านหน้าตรงอกด้านซ้ายเป็นตัวย่อ  SWU อยู่บนลวดลาย ซึ่งผมเคยถามเพื่อนที่ไปให้ร้านเสื้อทำว่าเอาแบบมาจากไหน มีคนบอกว่าเอามาจากสมุดรายงานที่ขายที่สหกรณ์ในมหาวิทยาลัย ซึ่งก็คงจะจริงเพราะเป็นลวดลายเดียวกัน  เสื้อตัวนี้ของผมถูกขโมยไปจากราวตากผ้าหอชายสิบ ตอนเรียนอยู่เทอมสอง ปีหนึ่ง ยังเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ 
คนที่ทำให้ผมรู้สึกด้อยไปในคืนนั้นก็คืออนันต์  อนันต์หน้าตาดีจนเวอร์แล้วก็อ่อนวัยมากจนดูเหมือนกับคนละรุ่นกับผม   ส่วนใหม่ก็มางานทั้ง ๆ ที่เพิ่งกลับจากน่าน แววตามีความสุข แต่ก็ฉ่ำ ๆ เพราะฤทธิ์เหล้าพอสมควร สมโภชน์ รัตน์ มาพร้อมครอบครัว ส่วนคนที่ผมเห็นแล้วทึ่งเพราะกาลเวลาทำร้ายหน้าตาไม่ได้ก็คือเปา ภาพเมื่อ 20  ปีก่อนที่เปาเดินตามสาวพยาบาลยังเหมือนกับเปาที่ผมเจอตัวเป็น ๆ คืนนั้น อาจจะเป็นเพราะโดยนิสัย เปาเป็นคนอารมณ์ดี มีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจก็ได้  หน่อง โดม และติ๊กก็เป็นอีก คนที่ผมเจองานรวมกลุ่มกันทุกครั้ง จนคิดไม่ออกว่าหากไม่มี คนนี้งานจะยังสนุกและสมบูรณ์เหมือนที่เคยเป็นมาหรือเปล่า  หน่อยเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่บางแสน หน่อยคืนนั้นดูสวยเหมือนสมัยเรียนผมยังนึกถึงคำพูดที่เต้าเจี้ยวชมว่าหน่อยเป็นคนที่สวยคนหนึ่งในรุ่นก็เลยยิ้มและบอกตัวเองว่าจริงแฮะ ส่วนแก้มซึ่งก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเช่นกันก็มาร่วมโต๊ะกับพวกเราด้วย ผมไม่ค่อยกล้าพูดแซวแก้มนักเพราะเริ่มเมานิด ๆ กลัวจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป  ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านอื่น ๆ คงติดธุระกัน เลยไม่ได้มาร่วมงานด้วย 
   ระหว่างงานกำลังดำเนินไป ก็มีการเลือกประธานศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์คนใหม่ ซึ่งเป็นพี่โรงที่เป็นประธานศิษย์เก่าที่ได้รับเลือก  ผมตระเวนเดินไปสวัสดีรุ่นพี่หลาย ๆ ท่านที่ได้เป็นเพื่อนกันทาง Facebook  บางท่านก็จำผมได้ บางท่านก็จำไม่ได้ แต่คนที่จำได้แน่ ๆ ก็คือพี่แอน เพราะผมถูกพี่แอนแดกดันผ่าน Facebook  เป็นประจำอยู่แล้ว    บรรยากาศคืนนั้นสนุกสนาน ผัดไทก็อร่อยจนผมเวียนไปดูหน้าน้องคณะคนสวยเสียหลายรอบ ฉัตรชัยจะแซวยังไงผมก็เฉยๆ เพราะความสุขของหนุ่มวัยกลางคนหากไม่ชอบมองเด็กสาวสวย ๆ  มันเหมือนขาดอะไรไปอยู่นะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา คำกล่าวนี้ออกจะเชย ๆ และเก่าคร่ำครึ แต่มันก็ต้องมาถึงจนได้ในเวลาหนึ่งของคืนนั้น เพื่อน ๆ เริ่มทยอยกลับบ้าน ส่วนผมกว่าจะร่ำลาจากเพื่อน ๆ และจากงานก็ดึกโข ใจจริงผมอยากจะค้างที่บางแสนและไปทานข้าวต้มกับหน่องหญิงนะ แต่ก็ห่วงคนที่บ้าน เพราะหากเวลาเนิ่นนานออกไป กลัวอะไร ๆ ที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นกับชีวิตอันแสนสุขของผมและอาจจะไม่ได้มาร่วมงานที่เต็มไปด้วยความสุข พูดคุยกันถึงความหลังกับเพื่อน ๆ อีกในครั้งต่อไปก็เป็นได้ 


19  พฤศจิกายน  2557
ต้นจำปูนหลังบ้าน



      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น