วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ผลไม้ของพ่อ


หน่องเอาสัปปะรดไปกินที่กรุงเทพด้วยนะ ซื้อเขากินมันแพง ของของเรามีเอง ไม่ต้องเสียเงินซื้อ”  เสียงพ่อผมร้องเตือนไล่หลังมา เมื่อเห็นผมสะพายกระเป๋าเดินไปที่รถเก๋งเพื่อจะกลับกรุงเทพ ฯ ในเช้าวันอาทิตย์ ผมได้ยินแล้วก็หันกลับมามองหน้าพ่อผมเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมนิ่งเงียบ และตอบกลับไปสั้น ๆ ว่า ครับ และเดินกลับมาหยิบสัปปะรดลูกดังกล่าวติดมือไปไว้ในรถด้วย จากนั้นก็เดินไปกล่าวลาพ่อ แม่ น้องสาว และที่จะขาดเสียมิได้หลานสาวคนเดียว น้องปูน

หลายปีที่ผ่านมาที่ผมมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ  เมื่อกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ระยองครั้งใด  ก่อนจะกลับมากรุงเทพฯ ทุกครั้ง  พ่อผมจะบอกให้ผมนำผลไม้ที่พ่อปลูกหรือหามาได้จากสวนหลังบ้านของพ่อให้ผมนำกลับมากินที่กรุงเทพเสมอ ๆ  แต่เพราะความคิดของผมที่ว่า ผลไม้เหล่านั้น พ่อกับแม่สามารถนำไปขายและเปลี่ยนเป็นเงินได้ ผมก็เลยเลือกที่จะปฏิเสธ  พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า ผมไม่ชอบกินผลไม้พวกนั้น และไม่เคยซื้อกินที่กรุงเทพฯ  และทุกครั้งที่ผมเดินผ่านร้านขายผลไม้ถึงจะอยากกินแค่ไหนก็ตาม ผมก็ทำได้พียงหยิบมาดูราคา แล้วก็บอกกับตัวเองว่า บ้านเราก็มี เดี่ยวก็กลับไปกินของพ่อก็ได้  หรือไม่ก็ ราคาแพงไปหน่อย เดี๋ยวกลับไปขอพ่อกินดีกว่า แต่ก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปในสวนเพื่อเก็บผลไม้เหล่านั้นหากไม่ถูกพ่อกับแม่ขอร้องแกมบังคับ

ใครมากินมะพร้าวอ่อนหมด ไม่เหลือให้เอาไปขายเลย”  เสียงของแม่ในอดีตมักจะดังก้องอยู่ในหัวผมเสมอ เมื่อเดินผ่านต้นมะพร้าวต้นเดิมที่ผมเคยปีนเก็บมะพร้าวลงมากินเมื่อนานมาแล้ว ในช่วงเวลาของวัยรุ่น เงินทองมีไม่มากนัก ทางเลือกของการแก้หิวก็คือผลไม้ในสวนของพ่อกับแม่ เรื่องจะไปโขมยเงินของใครเพื่อเอามาบำบัดความสุขส่วนตัวไม่เคยอยู่ในหัวของผมเหมือนเด็กสมัยนี้ ถึงพ่อกับแม่จะเลี้ยงมาแบบคลุกดินคลุกทราย ไม่มีเงินให้ใช้สอยมากพอสำหรับของกินหรือเสื้อผ้าสวย ๆ  ที่นอกเหนือจากข้าว มื้อ ผมก็หยิ่งเกินกว่าจะเดินไปขอใครหรือไปโกงใครเขากิน  วันที่ผมได้ยินเสียงแม่บ่น น้ำตาของความน้อยใจเอ่อล้นคลอเบ้าตา ความรู้สึกเสียใจที่ทำให้แม่หัวเสียและไม่มีของไปขายเอาเงินมาจุนเจือให้พี่น้องรวมทั้งตัวผมเองได้เรียนหนังสือมันพลุ่งพล่านอยู่ในอก ช่างมันเถิดนะ ต่อแต่นี้จะยอมอด ไม่กินของในสวนของพ่อกับแม่อีก แม่จะได้มีของไปขายเอาเงิน ความคิดตามประสาเด็ก ๆ ผุดขึ้นมารวมกับทิฐิมานะที่ไม่รู้มันติดตามมาแต่หนไหน แต่ก็ทำให้ความคิดดังกล่าวติดตัวผมมาจนถึงปัจจุบัน

ผมขับรถกลับกรุงเทพ ฯ เหมือนทุกครั้ง  ความคิดล่องลอยไปแสนไกล คงอีกนานทีเดียวกว่าผมจะเป็นผู้ใหญ่ในสายตาพ่อ แต่ช่างมันเถอะ คราวหน้าผมจะไม่รอให้พ่อเรียกแล้ว ก็แค่เดินไปขอผลไม้ในสวนพ่อแล้วก็เก็บมาฝากคนที่ผมรักเท่านั้นเอง   

27  พฤศจิกายน  2556
ต้นจำปูนหลังบ้าน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น