“พี่หน่องคร๊าบบบ
เสาร์นี้ว่างมั้ยคร๊าบบบบบ” เสียงออดอ้อนมาจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งผมเห็นเบอร์ 08-374… ผมก็รู้แล้วว่าใคร “ไง จะชวนไปไหนอีกล่ะ
ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยมีตังค์นะ” ผมตอบไปตามที่รู้สึกอย่างที่บอกจริงๆ “โถ พี่หน่อง
ผมจะชวนไปกินเสต๊กอร่อย ๆ แถว ๆ บางกะปิน่ะ อร่อยและถูก พี่ไม่เสียเงินมากหรอกพี่
เดี่ยวเจอกันที่ร้านไอ้ดิวเลยนะพี่ ผมหิวแล้ว” ปรีชาไม่ยอมให้ผมต่อล้อต่อเถียงหรือต่อรองอะไรอีกและรีบวางสายผมไป
อาจคงเพราะกลัวผมปฏิเสธหรือหาเหตุผลมาอ้างให้มากเรื่องเข้าไปอีก ผมเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วก็อาบน้ำโดยเร็ว
เพราะกลัวไปช้าไม่ทันมื้อกลางวัน ซึ่งแต่เดิมเดิมตั้งใจไว้ว่าจะทความสะอาดบ้านซะหน่อย
แต่ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ
จากนั้นจึงขับรถปลาเข็มคันเก่งออกจากบ้านที่รามอินทรา มุ่งไปยังร้าน เสต็กบ้านไร่
ซึ่งอยู่ที่ตลาด บางกะปิ เพื่ออุดหนุนพ่อค้าหนุ่มที่สมัยนั้นหุ่นยังเฟิร์ม
ไม่อ้วนเหมือนปัจจุบัน
“เสต๊กบ้านไร่ รสชาติบ้านนอก” ใครหลาย ๆ คนที่ทำงานเคยพูดเอาไว้แบบนั้น
แต่หลังจากหมดเสต็กไปคนละ 2 จานกับปรีชาพร้อม ๆ ไฮเนเก้นรสชาติกลมกล่อมอีก 4
ขวดผมก็เรียกพ่อค้ามาคิดเงิน “อ่อ 600 บาทครับพี่หน่องแต่ผมคิด 200
บาท ถือว่าเลี้ยงพี่แล้วมาอุดหนุนก็แล้วกัน” “จะดีหรือดิว
กินกันตั้งเยอะ ของค้าของขาย” ผมตอบออกไปเพราะเกรงใจเจ้าของร้านจริง
ๆ ขณะที่สายตาเหลือบไปมองลูกสาวตัวน้อยวัย 3 ขวบที่ยืนเกาะขาคุณพ่อและมองมายังผมและปรีชาด้วยแววตาไร้เดียงสา
“โธ่ พี่หน่อง เจ้าของร้านเค้าลดให้แล้ว เราต้องขอบคุณเค้านะ”
ปรีชาเอ่ยเสร็จก็ควักแบ๊งค์ร้อย
2 ใบยื่นให้ดิวอย่างหน้าตาเฉย ผมแอบถอนหายใจด้วยสงสารเพื่อน
แต่ก็อดขำไปกับท่าทางของทั้ง 2 นี้ไม่ได้
“พี่หน่อง วันนี้ครบปีแล้วนะ” ดิวเคยบอกกับผมในค่ำวันหนึ่งที่นั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารประจำ
แถว ๆ ท่าทราย“ครบปีอะไร ? ครบปีที่ช้อยจะมีลูกหรือไง ? “ ผมถามกลับไปแบบขำ ๆ
เพราะคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าดิวกำลังจะชักนำผมไปในเรื่องไหนอีก “ครบปีที่ผม ลาออกจากบริษัท มาเป็นเจ้าของกิจการน่ะสิ I still alive
ผมยังอยู่ได้ เห็นมั้ย
มีสุขภาพดีซะด้วย” ดิวพูดไปพร้อมทั้งกางแขนออกสองข้าง เหนือพุงกลม
ๆ และส่ายหน้าพูดไปอย่างช้า ๆ ผมยิ้ม ๆ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้จักดิวมาพอสมควร ทั้งนิสัยใจคอ
ความเป็นคนใจสู้ ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา และคิดว่าทางเดินที่ทอดยาวต่อไปของดิว
คงไม่จบลงอย่างง่าย ๆ แน่นอน
ผมนึกถึงเรื่องนี้อีกครั้งที่เห็น
Facebook ของผมเอง ถูก Tag มาจากชายหนุ่มหุ่นอ้วน
ที่วันนี้เป็นเจ้าของกิจการหลาย ๆ อย่าง โดยจะออกแนวการตลาดแบบบ้าระห่ำซะด้วยซ้ำ
ทั้งกิจการขายหมู ขายถ่าน นักเขียนล่ารางวัลซีไรท์ เปิดบู๊ทขายลูกชิ้นเทวดา และโปเจคใหม่ สเต๊คบ้านไร่
กาแฟบ้านดิน ซึ่งเห็นภาพร่างร้านคร่าว ๆ
แล้วก็นึกชื่นชมไปกับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้ในความไม่รู้จักท้อถอย
และมองหาลู่ทางธุรกิจใหม่ ๆ และแต่ละอย่างก็ทำเอาผมแปลกใจ
อยู่เสมอ “เอ
แล้วถ้าร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วและเปิดกิจการ ผมยังจะได้รับส่วนลด
เหมือนวันที่ผมกับปรีชาไปอุดหนุนร้าน สเต็กบ้านไร่ ที่บางกะปิ เหมือนเมื่อเกือบ 10
ปีก่อนอีกหรือเปล่านะ “
13 พฤศจิกายน
2555
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น