พี่ชายผมบวชพระก่อนเข้าพรรษาปี 2531
ปีนั้นผมอายุ 17 ปีแล้ว
ถ้าจะบอกว่าอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวก็ไม่น่าจะผิดนัก สมัยนั้นมีรถจักรยานยนต์ยนต์รุ่นใหม่
ๆ อย่าง Honda Nova, Yamaha
Bell R หรือ Suzuki Sprinter ออกมาวาดลวดลายบนท้องถนนและถูกขับขี่โดยวัยรุ่นที่พ่อแม่พอจะมีเงินซื้อรถให้ลูก
ทุกครั้งที่เห็นรถมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่าน ความรู้สึกของผม ดูจะล่องลอยไปกับรถจักรายนต์เหล่านั้นจนลับตา
และในความเป็นจริงอย่าว่าแต่รถมอเตอร์ไซด์เลย แค่กางเกงยีนส์สวย ๆ
สำหรับใส่อวดสาวก็ดูจะเกินเอื้อมเกินไปสำหรับเด็กม.ปลายที่ต้องตั้งใจเรียนและหาทางเข้าไปเรียนในระดับอุดมศึกษาอย่างผม
วันหนึ่งพระพี่ชายเดินมาหาโยมแม่ที่บ้าน
พร้อมสิ่งของในถุงกระดาษ ผมแอบได้ยินพระพี่ชายพูดกับแม่ว่า “เด็กมันเป็นวัยรุ่นแล้ว
ทำไมไม่หากางเกงยีนส์ให้มันใส่บ้าง”
ไม่มีเสียงตอบจากแม่ และหากจะให้ผมเดาสิ่งที่แม่คิดและเป็นห่วงก่อนเรื่องอื่น
ๆ ก็คือการหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนให้ลูก ๆ มากกว่าจะหาเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ลูกใส่ และจะหาข้าวมาให้ลูกกินอิ่ม ก่อนที่จะหาขนมตามท้องตลาดที่ต้องเสียเงินซื้อมาให้ลูกกินอย่างฟุ้งเฟ้อ
ผมได้ฟังเสียงพระพี่ชายแล้วก็นิ่งคิด นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายกล่าวถึงผมหลังจากโตกันมาคนทิศละทางตั้งแต่สมัยยังเด็ก
ก่อนที่พระพี่ชายจะกลับวัด
ท่านมอบของขวัญวัยรุ่นชิ้นเดียวในชีวิตให้ผม
เป็นกางเกงยีนส์ยี่ห้อ Lee สีน้ำเงิน
ผมไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรในวันนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ท่านตัดสินใจซื้อให้อาจจะเป็นสิ่งที่ท่านขาดไปในตอนเป็นวัยรุ่น
กางเกงยีนส์ตัวนี้ผมใช้และเก็บรักษาเป็นอย่างดี จนถึงวันที่ได้เข้าเรียนที่บางแสน
ก็ยังเอาไปใส่รับน้องจนขาดรุ่งริ่ง เพราะรุ่นพี่สั่งลงน้ำ กลิ้ง วิ่ง ยึดพื้น
แทงปลาไหล สุดแล้วแต่จะถูกสั่งให้ทำอะไรในสมัยเรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 สุดท้ายเมื่อสภาพยีนส์ขาดจนเกินจะเยีวยา
เราจึงแยกจากกันหลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบ 3
ปี
เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว
ถึงจะมีงานทำและสามารถหาซื้อกางเกงยีนส์มาเป็นเจ้าของได้มากมาย
แต่ผมก็ไม่เคยหวนกลับไปซื้อกางเกงยีนส์ Lee
เลยซักครั้ง
ไม่ใช่เพราะสินค้าไม่ดี หากแต่อยากจะเก็บความทรงจำดี ๆ
ที่ครั้งหนึ่งพี่ชายให้กางเกงยีนส์ Lee เป็นของขวัญไว้ในใจตลอดไป
28
สิงหาคม 2559
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น