วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โต คนสร้างฝัน


          ผมพบกับโตครั้งแรกเมื่อครั้งที่ไปออกค่ายคนสร้างฝันที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านหม่องกั๊ว อ. อุ้มผาง จ.ตาก สถานที่ที่พบกันก็คือปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ จ. นครสวรรค์ที่คุณบัญญัติ มักจะกำหนดให้เป็นจุดรวมพลก่อนที่จะเดินทางสู่จุดหมายปลายทางต่อไป  ค่ายนั้นผมเดินทางไปกับพี่แอ๊ดและภรรยาคนปัจจุบันคือคุณน้องนุชในสมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน มันเป็นการออกค่ายครั้งแรกของนุช และยังเป็นครั้งล่าสุดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน  โต ซึ่งเป็นคนเงียบ ๆ เดินเข้ามาทักพี่แอ๊ดที่ร้านข้าวเชสเตอร์กริล ระหว่างที่ผมกับนุชรออาหารที่สั่งไปจากทางร้าน เมื่อรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว ความสนิทสนมก็เริ่มขึ้น ณ เวลานั้นเอง  แล้วโต มายังไงล่ะ  ผมถามโตออกไป ซึ่งเป็นคำถามแบบที่ว่าจะต้องถามอยู่เสมอ ๆ ผมขับรถกระบะมาเองครับพี่หน่อง  ขับมาคนเดียว  โตตอบมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและภาคภูมิใจ เราจะไปหม่องกั๊ว ทางน่าจะแย่ ๆ รถโตเป็นแบบ โฟร์วิล ไดรฟ์ หรือเปล่า ผมถามด้วยความสงสัยซึ่งโตก็ให้คำตอบที่ผมสงสัยโดยทันทีเช่นกันว่า  ไม่ใช่หรอกครับ แต่รถกระบะผมยกสูง วิ่งไปได้ สบายมาก
          ขณะที่รถที่ผมนั่งกำลังวิ่งไต่ระดับและลัดเลาะไปตามแนวถนน เพราะเป็นรถปาเจโร่ สปอร์ตของพี่แอ๊ด จึงทำให้ผมรู้สึกสบายไม่ได้ลำบากกับการเดินทางเท่าใดนัก แต่กับรถตู้และรถกระบะคันอื่น ๆ คนขับต้องใช้สมาธิและทักษะพอสมควรในการควบคุมรถ เพื่อให้ผ่านโค้งต่าง ๆ จนลงมาถึงอุ้มผางได้อย่างปลอดภัยแต่ก็เสียเวลาไปมากพอสมควรกับการเดินทางไปถึงโรงเรียน ทางที่ดูไม่น่าไกล แต่ก็ลำบากพอดูในการจะผ่านไปจึงทำให้พวกเราเดินทางไปถึง ร.ร.หม่องกั๊วในเวลาเกือบจะ  11  โมงเช้า เด็ก ๆ ที่โรงเรียนต่างรอเราอย่างกระวนกระวายใจ อาจจะผสมกับความหิวด้วยมั้ง แต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงออกถึงอาหารหงุดหงิดแต่อย่างใด เมื่อพวกเราไปถึงทุกคนเหมือนจะรู้หน้าที่กันโดยอัตโนมัติว่าต้องทำอะไรกันบ้าง ผมกับน้อง ๆ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำสันทนาการกับเด็ก ๆ ก็ออกไปนำเด็ก ๆ เล่นเกมส์ แจกของ และพยายามดึงเวลาให้ทางทีมพี่แอ๊ดได้ประกอบอาหารให้เสร็จเรียบร้อยก่อน  ซึ่งกว่าจะได้ทานข้าวกลางวันกันเวลาก็ล่วงเข้าไปบ่ายโข  เก่งมากหน่อง ดึงเด็กให้อยู่กับเกมส์ได้ดีมาก พี่สมเกียรติกล่าวชมผมเมื่อเดินสวนกัน มันเป็นเหมือนน้ำทิพย์ ชโลมใจที่ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  ผมเดินไปหานุชและขอมาม่ากิน อารมณ์วันนั้นมีแต่ความอิ่มใจไปหมดไม่นึกหิวแม้แต่นิดเดียว ส่วนเด็ก ๆ ก็น่ารักและป็นกันเองจนผมนึกรักที่ที่แห่งนี้ อยากจะทำทุกอย่างให้พวกเค้าอย่างดีที่สุด พร้อมกับนึกสงสัยว่ายังมีสถานที่ที่แบบนี้ในประเทศไทยอยู่อีกมากมายแค่ไหนกันหนอ สถานที่ที่เด็ก ๆ ไม่รู้จักก๋วยเตี๋ยว จนต้องเดินวนเข้ามาขอก๋วยเตี๋ยวหลาย ๆ รอบ สถานที่ที่เด็กต้องเดินทางไกลนับ 10 กิโลเมตรเพื่อมาเรียนหนังสือ และออกไปเป็นชาวเขาชาวป่าที่ยังไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานราชการเท่าที่ควรจะเป็น 
          หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งหมด เราก็อพยพทีมงาน เพื่อเดินทางไปเที่ยวน้ำตก  ทีลอซู  ก่อนเดินทางไปน้ำตก เราได้แวะไปทำบุญที่วัดบริเวณใกล้ ๆ ความเย็นกายที่วัดที่เราได้รับยังไม่เท่าความเย็นในหัวใจที่เรามีโอกาสมาสร้างบุญร่วมกันอีกครั้ง  ถึงเวลาที่น้ำตกทีลอซูจะน้อยนิดเพราะเราเดินทางไปถึงกันเกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว  แต่ระหว่างเดินทางไปน้ำตกก็มีเรื่องขำขันมาให้ทุกคนได้ยิ้มกันมากมาย    เนื่องจากทางที่รถผ่านไปนั้นมีฝุ่นอยู่มาก เมื่อรถวิ่งผ่านคนที่นั่งบนรถกระบะอย่าง  ดร เอก ตั้ม อี๊ด จึงถูกฝุ่นจับตามบริเวณลำตัว โดยเฉพาะเส้นผมและใบหน้า ดูราวกับว่าไปคลุกแป้งฝุ่นมา  ผมโชคดีเพราะได้นั่งรถปาเจโร่ ของพี่แอ๊ด จึงสะอาดเอี่ยม เรี่ยมเร้เรไร น้ำตกเย็นจนรูสึกหนาว แต่ในใจพวกเราต่างอบอุ่น เพราะได้มาช่วยเหลือเด็กตามที่ได้ตั้งใจจนสำเร็จลุล่วงสมความตั้งใจทุกประการ  

จากร้อยมือถือความฝันสู่พันโค้ง
จากที่โล่งสู่ที่ลับอับแสงสี
จากเมืองฟ้าสู่เมืองป่า วนาลี
จากพี่ๆสู่น้องๆในดินแดนสุดแสนไกล

ด้วยความฝันแห่งใจปรารถนา
ด้วยความฝันและศรัทธาไม่หวั่นไหว
ด้วยความฝันจะปั้นสร้างยังแดนไกล
ด้วยความฝัน ยิ้มละไม ที่ได้รับ...ก็สุขเกิน

          เสียงกล่าวบทกวีดังกังวานไพเราะจับใจ จนผมต้องหันหน้ามามองอย่างเต็มตา เป็นน้องโตที่ผมเจอที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. นี่เอง  โตกล่าวบทกวีด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาแฝงไปด้วยความทรงภูมิทำให้ผมนึกชื่นชมโตอยู่ในใจ คำกล่าวในบทกวีได้บ่งบอกถึงปณิธานของกลุ่มได้อย่างชัดแจ้งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ  ค่ำคืนที่บริเวณกางเต๊นท์น้ำตกทีลอซู เป็นคืนที่ผมยังประทับใจไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็นเสียงเจื้อยแจ้วของเบียร์ที่มีข้อสงสัยซักถามจนราวดูกับว่าเป็นเด็กน้อยทีพ่อแม่พาออกมาสู่โลกกว้าง  เสียงนักดนตรีคนสร้างฝันจาก ชัย ทศ ที่ขับกล่อมรอบวงชวนให้หลงใหลในบรรยากาศ  แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดคือ เสียง เอื้อนเอ่ย บทกวีจาก โต นี่เอง
          ผมได้เจอโตอีกหลาย ๆ ค่ายถัดมาจากค่ายหม่องกั๊ว และทุกครั้งที่ได้พบกันในค่ายก็จะมีความรู้สึกยินดีปรีดาและสละเวลามานั่งพูดคุยถึงความเป็นไปของแต่ละคนอยู่เสมอ  ในการออกค่ายโตจะขับรถมาคนเดียวเกือบทุกครั้ง และพกพาเอาความนุ่มนวลในอารมณ์ความรู้สึกมาที่ค่ายด้วย แปลกใจเหมือนกันที่ทุกครั้งก่อนเราจะลาจากกัน ผมเป็นต้องเข้าไปกอดโตเพื่อให้กำลังใจกันและกล่าวอวยพรให้แต่ละคนโชคดีและหวังว่าจะได้มาพบกันอีก หลังสุดที่ผมได้พบโตคือที่ดอยสอยมาลัย ผมได้นั่งดื่มเหล้าร้องเพลงกับโตจนดึกดื่น และกล่าวอำลากันในวันรุ่งขึ้น บางทีการไปออกค่ายมันไม่ใช่แค่การออกไปช่วยคนอื่น ๆ แต่เราออกไปเพื่อไปพบเพื่อนที่มีเจตนารมณ์ร่วมกัน ออกไปถามข่าวคราว ออกไปเห็นหน้าคนที่เราอยากพบเจอ ผมไม่ได้ไปค่ายมา 2 ครั้งแล้วเลยไม่ได้เจอโต  ก็ได้แต่หวังว่าครั้งต่อไป เราคงไปเจอกันอีกและเล่าความเป็นไปของแต่ละคนกลางวงเหล้า พร้อมเสียงเพลงขับกล่อมจาก ชัย ทศ นักดนตรีอารมณ์ดีประจำค่ายที่ไม่เคยขัดเวลาผมขอร้องให้เล่นเพลงต่าง ๆ ผ่านสายกีต้าร์ตัวเก่ง  ครั้งหน้าถ้าไม่ติดขัดอะไรจริง ๆ โตและเพื่อน ๆ ทุกคนคงมาเจอหน้าผมที่ปายนะเราจะได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของแต่ละคนกลางคืนหนาวเหมือนทุก ๆ ครั้งที่เป็นมา       

28  ตุลาคม  2556
ต้นจำปูนหลังบ้าน
             
                                                                                                             



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น