หลังจากเสร็จจากงานของอาที่วัด ผมรีบเดินไปบอกแม่ว่าจะต้องเดินทางไกลกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ในตอนนี้เลย แม่รับรู้แล้วก็เลยชวนกันเดินกลับบ้าน ผมเห็นหลานสาวนั่งเล่นเกมในมือถืออยู่ใกล้ ๆ เลยชักชวนให้เดินกลับบ้านไปด้วยกัน สุดท้ายเลยเดินกลับบ้านที่อยู่ติดบริเวณวัดกันทั้ง 3 คน ในมือผมถือของชำร่วยในงานที่เป็นถุงข้าวสารขนาด 1 กิโลกรัม 4 ถุงโดยน้องสาวเดินเอาข้าวสารมาให้ผมถือกลับบ้านด้วยเพราะจะอยู่ช่วยงานให้เรียบร้อย แม่เดินตามหลังผมมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า แต่ที่น่าเหนื่อยล้าไปกว่านั้นคือท่าเดินของแม่ที่หลังเริ่มงอจนต้องเดินค้อมตัวไปเรื่อย ๆ พอเห็นแม่เดิน ภาพของย่าที่ผมรักผุดขึ้นมาทับซ้อนด้วยท่าทางเดินที่คล้ายกัน ปีนี้แม่ผมอายุมากกว่าย่า 2 ปีแล้วในวันที่ย่าจากไปเมื่อ 29 ปีก่อน
เมื่อเดินมาถึงบ้าน ผมเดินเข้าไปไขประตูบ้านและเอาข้าวสารไปวางไว้ให้แม่บนโต๊ะทานข้าว หลานสาวรีบปลีกตัวไปในห้องนอนเหมือนทุกครั้งในอิริยาบทที่เล่นเกมไปด้วย เดินไปด้วย สำหรับเด็กยุคนี้มันคงยากจะแยกออกว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนควรหยุดระหว่างที่อยู่กันพร้อมหน้า ผมคงไม่มีชีวิตยืนยาวไปจนถึงวันที่เขามีลูกและต้องมากังวลแบบที่ผมเป็นเหมือนในวันนี้ ส่วนแม่ผมไม่ทันได้มองเลยไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน
ผมตรวจสอบของที่ต้องเอากลับบ้านทั้งเครื่อง Computer กระเป๋าเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวอย่างนาฬิกา สร้อยทองที่ห้อยพระ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอแม่อยู่ที่โต๊ะกินข้าว สักพักแม่เดินกระหืดกระหอบเข้ามาในครัว บนหัวแม่มีใบไม้แห้งติดอยู่ประปราย เหงื่อไหลเต็มใบหน้าแม่ ในมือถือทุเรียนชะนี 2 ลูกพร้อมกับเอ่ยอย่างดีใจที่เห็นผมยังนั่งรออยู่ “หน่องเอาทุเรียนกลับไปกินด้วยนะ แม่ตัดมาให้ 2 ลูก เอาไปฝากนุชด้วย ถ้าขั้วมันหลุดแล้วค่อยแกะ ตอนนี้มันยังไม่สุก” แม่บอกยืดยาวโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธ ผมนิ่งเงียบไปสักครู่แล้วจึงตอบแม่ด้วยคำตอบเดิม ๆ “แม่ไม่เก็บไว้ขายล่ะ หน่องซื้อกินเองได้ไม่ต้องให้หรอก” แต่แม่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมจนสุดท้ายผมต้องนำทุเรียนไปไว้ที่รถเพื่อนำกลับกรุงเทพฯไปด้วย ผมกล่าวลากับแม่และบอกถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่เพิ่งเริ่มของการแพร่ระบาดและมีโอกาสที่จะไม่ได้กลับมาหาแม่อีกหลายเดือนซึ่งแม่ก็เข้าใจและอวยพรให้ผมโชคดี
วันหนึ่งผมก็คงไม่มีโอกาสกลับมาบ้านหลังนี้อีกหากอะไร ๆ มันดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติที่แค่รอเวลาที่เหมาะสม ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคนคอยห่วงใย คอยเก็บทุเรียนให้อีกกี่ปี วันนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือการอยู่กับปัจจุบันและระลึกอยู่เสมอว่าวันหนึ่งพวกเราทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันเดินทาง สิ่งไหนดีที่ควรทำก็ให้รีบทำก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
28 เมษายน 2564
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น