ผมขับรถพาภรรยาเข้าไปในหมู่บ้านเลอมิวเรียที่คลองแอนหนึ่งหลังจากพาไปดูบ้านเดี่ยวมาหลายหมู่บ้านแล้วภรรยายังไม่ถูกใจ อาจจะเพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องหาบ้านเดี่ยวให้ได้ในทันทีเพราะที่อยู่ปัจจุบันของเราที่เป็นทาวเฮาส์ก็สามารถใช้ชีวิตหลังแต่งงานได้อย่างมีความสุขอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจมองหาบ้านหลังใหม่ก็คือเสียงจากวงเหล้าของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่เยื้องไปทางซ้ายที่เปิดวงเหล้าทุกวันศุกร์ รถยนต์ที่จอดเกะกะขวางทางเริ่มมากขึ้นจากเพื่อนบ้านไร้จิตสำนึกบางคน รถสองคันของเราที่เข้าจอดในบ้านได้แค่คันเดียวและสิ่งสำคัญที่สุดสีหน้าของภรรยาที่ดูเหมือนจะไม่มีความสุขมากขึ้นทุกวันและมักจะชวนผมออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านทุกวันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่จะอยู่บ้านกันสองคน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับอยู่ในใจจนวันหนึ่งผมก็นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถเพื่อขับรถพาภรรยาออกตระเวณหาบ้านหลังใหม่โดยหวังจะพาภรรยาให้หลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมความสุขของเราทั้งสองคนอีกต่อไป ซึ่งคำขอเดียวของภรรยาก็คือขอเป็นบ้านเดี่ยวเท่านั้น
วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564
บ้านของเรา
วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564
ทุเรียน
หลังจากเสร็จจากงานของอาที่วัด ผมรีบเดินไปบอกแม่ว่าจะต้องเดินทางไกลกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ในตอนนี้เลย แม่รับรู้แล้วก็เลยชวนกันเดินกลับบ้าน ผมเห็นหลานสาวนั่งเล่นเกมในมือถืออยู่ใกล้ ๆ เลยชักชวนให้เดินกลับบ้านไปด้วยกัน สุดท้ายเลยเดินกลับบ้านที่อยู่ติดบริเวณวัดกันทั้ง 3 คน ในมือผมถือของชำร่วยในงานที่เป็นถุงข้าวสารขนาด 1 กิโลกรัม 4 ถุงโดยน้องสาวเดินเอาข้าวสารมาให้ผมถือกลับบ้านด้วยเพราะจะอยู่ช่วยงานให้เรียบร้อย แม่เดินตามหลังผมมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า แต่ที่น่าเหนื่อยล้าไปกว่านั้นคือท่าเดินของแม่ที่หลังเริ่มงอจนต้องเดินค้อมตัวไปเรื่อย ๆ พอเห็นแม่เดิน ภาพของย่าที่ผมรักผุดขึ้นมาทับซ้อนด้วยท่าทางเดินที่คล้ายกัน ปีนี้แม่ผมอายุมากกว่าย่า 2 ปีแล้วในวันที่ย่าจากไปเมื่อ 29 ปีก่อน
วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2564
อีกหนึ่งไมล์สโตนในชีวิต
ผมหยิบโทรศัพท์ iPhone ขึ้นมาเปิดดู Application Photo เมื่อเปิดเลื่อนไปเรื่อย ๆ ตาก็ไปสะดุดกับรูปที่ถ่ายไว้เมื่อปลายปีก่อน เป็นรูปที่ภรรยาบรรจงตัดเล็บเท้าให้กับคุณแม่ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับในอีก 3 วันต่อมา ความรู้สึกทุกครั้งที่เห็นภาพคือผมยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรับรู้มาตลอดว่าภรยารักคุณแม่มาก ส่วนผมนั้นรับรู้ความรักของท่านในวันที่ท่านยกลูกสาวให้พร้อมทั้งคำพูดที่ว่า “หน่องต้องขอบคุณแม่นะ เพราะแม่เชียร์ให้นุชคบกับหน่อง เห็นเป็นเพื่อนกันมาหลายปีไม่เคยหนีหายไปไหน หน่องคงไม่หลอกลูกสาวแม่” บางทีเรื่องที่เรานึกถึงก็ทำให้เรามีความสุขแต่ใครจะหยุดวันเวลาไว้ได้ สุดท้ายของชีวิตคือการจากลา แต่การจากลาทุกครั้งมันทำให้ผมคิดและสงสัยอยู่เสมอว่าในแต่ละครั้งแต่ละโอกาสในชีวิตนั้นเราทำดีที่สุดให้กับคนที่เรารักแล้วหรือยัง เพราะเรื่องของความรักความห่วงใยต่อให้มากมายแค่ไหนเราทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ เราอยากจะให้ท่านได้มากไปอีกในทุกครั้ง ทุกโอกาส
หลาย ๆ ครั้งผมขับรถพาภรรยาไปที่บ้านแม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ พอแม่เห็นหน้า รอยยิ้มอย่างมีความสุขของแม่จะปรากฏบนใบหน้าอยู่เสมอ เสียงเรียกทักทายพร้อมทั้งคำถามว่าทานข้าวมาหรือยังมันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้และตอบกลับไปทุกครั้งว่า “ยังเลยแม่ มีอะไรกินบ้างหรือเปล่า” พอแม่บอกว่าแม่ไม่ได้ทำไว้เลย มันไม่มีคนกิน ผมกับภรรยาก็จะพาแม่ออกไปทานข้าวด้วยกันที่ร้านประจำและสั่งอาหารที่แม่ชอบทานมาทานกัน 3 คนโดยไม่เคยเสียดายเงินที่ต้องจ่ายออกไปเพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้ไว้ในความทรงจำ ผมยังไม่แก่เท่าแม่ ไม่เคยมีลูกเลยไม่รู้ว่าความสุขของคนแก่อายุใกล้ 80 อย่างแม่ที่มีลูกสาวออกเรือนไปอยู่กับผมคืออะไร แต่ก็คิดไปเองว่าแม่น่าจะดีใจที่ลูกเขยมานั่งคุยทุกวันหยุด มีลูกสาวคนสวยมาคอยนอนฟังแม่คุยกับผมหรือบางทีลูกสาวแม่ก็เดินเลี่ยงไปดูดอกไม้ใบหญ้ารอบบ้านแม่ที่ดูจะงดงามสดชื่นเป็นที่เชิดหน้าชูตาของแม่จนหลายๆ ครั้งแม่ก็อวดฝีมือในการดูแลต้นไม้จนผมนึกยิ้มขันเพราะผมกับภรรยาปลูกต้นไม้ตายไปหลายต้นไม่มีอะไรจะมาอวดแม่เลย บางครั้งก่อนจะถึงวันหยุดแม่จะส่งรูปดอกไม้สวย ๆ มาให้ภรรยาผมชื่นชมและชักชวนลูกสาวกลับไปดูต้นไม้ของจริงที่บ้านแม่อยู่เสมอ