วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

คำอธิฐานในโบสถ์คริสต์

                                       เช้าวันศุกร์ที่  9 สิงหาคม  2562 ผมกับภรรยาตื่นขึ้นมาบนเตียงในโรงแรม The Midland Hotel ที่ตั้งอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์หลังจากเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิในคืนวันพุธมาเปลี่ยนเครื่องในช่วงเช้าที่โดฮาจนมาถึงสนามบินในเมืองแมนเชสเตอร์ในช่วงบ่ายโมงวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นและเข้าพักที่โรงแรมด้วยอารมณ์ตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยออกไปเห็นโลกกว้าง หลังจากเราทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วก็เดินลงมารับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม อาหารเช้าวันแรกในเมืองแมนเชสเตอร์เป็นเห็ด เบค่อนและไข่ออมเล็ต อาหารค่อนข้างอร่อยและบรรยากาศในห้องอาหารตอนเช้าก็อบอุ่นน่ารักผมจึงทานอาหารไปถึงสองชุดและเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราจึงออกเดินทางไปยังเมืองลิเวอร์พูล  



 

                                      วันนี้เราทั้งคู่มีโปรแกรมที่จะเข้าไปเชียร์ทีมลิเวอร์พูลในนัดเปิดสนามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2019-20  โดยทีมลิเวอร์พูลจะเปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับทีมนอริช ซิตี้ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากลีก แชมเปี้ยนชิพหรือดิวิชั่นสองเดิม  ก่อนที่จะเข้าไปชมเกมในเวลา  2  ทุ่ม คุณบี แหลมสิงห์หัวหน้าทัวร์ได้พาลูกทัวร์เข้าไปชมความสวยงามภายในโบสถ์ Liverpool Cathedral   ซึ่งถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับ  5  ของโลก ผมกับภรรยาเดินชมความงามของโบสถ์และเลือกซื้อของที่ระลึกจนเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกจากโบสถ์เราทั้งคู่ได้เดินไปหยุดอยู่หน้าตู้รับบริจาคที่ตั้งอยู่เยื้องไปตรงด้านซ้ายของโบสถ์ใกล้ๆ กับร้านขายของที่ระลึกที่เราเพิ่งไปเสียเงินมาเมื่อสักครู่ โดยที่ไม่ได้ตกลงกันมาก่อน เราทั้งสองคนมองหน้าสบตากันและคิดเหมือนกันว่าเราจะขอพรให้ทีมรักของเราที่ร้างราแชมป์ลีกสูงสุดมาเป็นระยะเวลานานถึง  29 ปีเข้าไปแล้ว  ทันใดนั้นก่อนที่ใครจะทันเอ่ยอะไรออกไปภรรยาผมเปิดกระเป๋าเงินและหยิบแบ๊งค์ 5 ปอนด์ออกมา เราทั้งคู่จับมือกันและจับแบ๊งค์ 5 ปอนด์ด้วยกันก่อนจะพูดออกมาพร้อมกันว่า “ขอให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้และเราจะกลับมาที่โบสถ์นี้เพื่อทำบุญอีกครั้งหนึ่ง” โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นเลยไม่มีใครได้ยินเสียงชาวต่างชาติ ผมดำ  2 คนที่เดินทางมาไกลถึง  6,000  ไมล์เพื่อสานฝันการเข้าเชียร์ทีม ลิเวอร์พูล  ให้เป็นจริงก่อนที่จะอายุเกิน 50 ปี หลังจากเดินออกจากโบสถ์แล้วผมมั่นใจอย่างประหลาดว่าจะได้กลับมาที่เมืองลิเวอร์พูลอีกครั้งหนึ่งเพื่อทำบุญตามที่ได้อธิฐานไว้ จากนั้นผมกับภรรยาเดินถ่ายภาพหน้าโบสถ์และคณะเราทั้งหมดขึ้นรถบัสและเริ่มเดินทางไปที่ร้าน Liverpool One ภายในห้างเพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าภายในร้านและรอเวลาที่จะเข้าไปสัมผัสเสียงเพลง You’ll never walk alone. ในสนามแอนฟิลด์ต่อไป 

 




 28 มีนาคม 2564 

ต้นจำปูนหลังบ้าน

 

 

 

 

 

 

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563

The Black Swan


                  สิ่งที่เราไม่เคยเห็นก็อย่าคิดว่ามันไม่มี   การค้นพบหงส์ดำในทวีป  Australia เมื่อปี 1691 ทำลายความเชื่อที่มนุษย์คิดกันเอาเองว่าทั่วทั้งโลกนั้นมีแต่หงส์ขาวอย่างเดียวมานับพันปีลงไปได้โดยสิ้นเชิง จนกลายมาเป็น  Black Swan Theory ที่อธิบายตลาดการเงินในหลังทศวรรษ 2000  ในภาพยนตร์เรื่อง  World War Z  ประเทศอิสราเอลกล่าวถึง  The Tenth Man กลุ่มคน 10 คนที่เมื่อ 9 คนเห็นพ้องต้องกัน คนที่ 10 ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่คน 9 คนคิดมานั้นผิด การที่ตลาดการเงินล้มระเนระนาดในปัจจุบันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะ  Recovery กลับมาได้เหมือนวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 1997 หรือวิกฤติ  Hamburger ที่เกิดที่สหรัฐในปี 2008 ซึ่งท้ายสุดที่ตลาดสามารถปรับตัวกลับมาได้จากซากปรักหักพังของเจ้าสัว Yesterday ในไทยที่ถูกทุนต่างชาติเข้ามาช้อนซื้อหุ้นราคาถูกเพราะ IMF ห้ามรัฐบาลไทยอุ้ม ในขณะเดียวกันภาครัฐของอเมริกากลับอุ้มบริษัทอย่าง AIG ได้โดยมีข้ออ้างสารพัด มันต่างกันอย่างไร?  ช่วงเวลาที่ต่างกันแค่ 10 ปี  เราก็เห็นสันดานของนักล่าชาติตะวันตก เป็นเจ็บที่คนไทยไม่เคยจำ หากคิดกันเล่น ๆ ว่าตลาดหุ้นจะปิดตัวลงแบบถาวรในวันพรุ่งนี้หรือภายในวันศุกร์   เราจะต้องทำตัวอย่างไรเมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่เริ่มต้นขึ้น หรือจะทำตัวเหมือนเดิมคือคิดว่าส ไม่มีหงส์ดำในโลกนี้แน่ ๆ  



17 มีนาคม 2563
 ต้นจำปูนหลังบ้าน

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

ต้นจำปีสีนวล


                         หลังจากตัดสินใจซื้อบ้านหลังใหม่เมื่อ  5  ปีก่อน ผมกับภรรยาก็ย้ายเข้าใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ด้วยกันอย่างมีความสุข บ้านหลังใหม่เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังเล็ก ๆ ใกล้ที่ทำงานของภรรยาเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำงานที่อุทยานวิทยาศาสตร์ โดยตัวบ้านตั้งอยู่ที่คลองหนึ่ง จ. ปทุมธานี  ภรรยาผมตั้งชื่อบ้านว่าบ้านเทียนนุช ๙๐ มาจากชื่อเล่นของเราทั้งสองคนมารวมกัน สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดหลังเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่นี้ก็คือภรรยามีความสุขขึ้นมากซึ่งแตกต่างจากการอยู่ทาวน์เฮ้าส์หลังเดิมที่ในแต่ละวันต้องพบเจอคนหลายแบบ มีปัญหาสารพัดทั้งเพื่อนร่วมหมู่บ้าน สถานที่จอดรถ ระบบสาธารณูปโภค ที่สำคัญคือมีที่ว่างสำหรับปลูกดอกไม้และต้นไม้ที่ภรรยาชอบซึ่งบ้านหลังเก่าไม่มีพื้นที่สำหรับปลูกดอกไม้เลย

                         คุณเทียน เค้าอยากได้ต้นจำปีสีนวล คุณช่วยหามาปลูกให้ด้วยนะ” นี่คือคำขอแรกที่ภรรยาบอกผมหลังจากย้ายเข้ามาบ้านใหม่นี้  ผมรับทราบและหาต้นจำปีมาปลูกให้หลังจากย้ายเข้าบ้านในอีก  2 เดือนต่อมา  ต้นจำปีต้นนี้เพื่อนผมสมัยประถมมอบให้และมีข้อแม้ว่าหากเมื่อไหร่ที่ต้นจำปีต้นนี้มีดอกขอให้แจ้งให้เขาให้ทราบด้วย  ในสองปีแรกต้นจำปีเติบโตสูงใหญ่อย่างรวดเร็ว เร็วจนคิดว่าเค้าต้องให้ดอกในปีที่สองที่นำมาปลูก แต่ก็ไม่เห็นว่าจำปีต้นนี้จะให้ดอกเสียที จนผมพูดกับต้นจำปีว่า ถ้าไม่ให้ดอกผมจะตัดทิ้งแล้วนะ จำปีต้นนี้ก็ไม่ยอมออกดอก จนวันหนึ่งผมตัดสินใจตัดต้นจำปีลงครึ่งหนึ่งและบอกว่า ถ้าปีหน้ายังไม่มีดอกจะโค่นต้นทิ้งแล้วนะ เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปีระหว่างนั้นต้นจำปีก็แตกกิ่งและเติบใหญ่ขึ้นมากไปกว่าเดิม และสิ่งดี ๆ ที่ตามมาก็คือมีดอกจำปีมาให้ดู 2 ดอก เพราะดอกจำปีที่ออกมานี้เองทำให้ต้นจำปีอยู่รอดปลอดภัยจนถึงปีที่สี่ 

                    ในปีที่สี่ต้นจำปีออกดอกมากขึ้นจนสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าภรรยาที่หาไม้มาสอยจากหน้าต่างชั้นสองและใต้ต้นจำปีเอง ผมแอบยิ้มขำ ๆ เมื่อภรรยาเอาดอกจำปีมาอวดและถ่ายรูปลงใน Social Media  อย่าง Facebook ส่วนผมก็ทำหน้าที่กด Like  และรดน้ำดอกไม้อื่น ๆ ที่ภรรยาหามาปลูกรอบบ้านต่อไปตามประสาสามีที่ต้องดูแลความรู้สึกของภรรยาให้รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขในขณะที่เราใช้ชีวิตด้วยกัน และในปีที่ 5  นี้เองจำปีก็ให้ดอกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนภรรยาเก็บเอาไปที่ทำงานทุกวัน วันละ 3 – 5  ดอก ถึงวันนี้ต้นจำปีถือว่าเป็นจุดคิดให้เราสองคนนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด  5  ปีและหวังว่าจะมีความทรงจำที่ดีเพิ่มขึ้นตลอดไป




13 มีนาคม  2563
ต้นจำปูนหลังบ้าน

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2563

หมาน้อยตัวนั้น

            เด็กน้อยสามคนได้รับของขวัญจากพ่อเป็นหมาตัวเล็กน่ารัก ตัวหมายาว ๆ ขาสั้นมีขนสีขาวแซมด้วยลายด่างสีน้ำตาลอ่อน ช่างอ้อน ช่างเอาใจ ผมซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.5 และเป็นพี่ชายของน้องชายและน้องสาวตั้งชื่อเจ้าหมาน้อยตัวนั้นว่า “สเตชั่น”  สเตชั่นที่แปลว่าสถานีโดยผมนำมาจากหนังสือเรียนภาษาอังกฤษที่เริ่มเรียนในชั้น ป. 5 เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน

             หลังจากเจ้าสเตชั่นเข้ามาในชีวิตเราสามคน  ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนประถมข้างบ้านเราสามคนจะหาข้าวหาน้ำให้หมาน้อยที่น่ารักตัวนี้ เมื่อกลับมาจากโรงเรียนก็จะพากันไปเล่นหมาหอมหน้าหอมตาโดยไม่รังเกียจแต่อย่างใด วันหนึ่งหมาน้อยมีอาการท้องเสีย นอนหายใจรวยริน คุณพ่อบอกว่าหมาตัวนี้ชอบขุดคุ้ยรอบบ้านและคงไปกินของที่ทำให้ท้องเสียจนมานอนซม เราสามคนนั่งล้อมกันดูแลและพยายามช่วยเหลือตามประสาเด็ก ๆ แต่ก็เหมือนการดูใจ เจ้าสเตชั่นจากไปในเย็นวันนั้นเอง เป็นวันอาทิตย์ปลายเดือนมีนาคมที่อากาศเริ่มร้อนและเข้าใกล้วันสงกรานต์ ความรู้สึกเจ็บๆ มันตุบ ๆ อยู่ข้างซ้ายของทรวงอก ผมและน้องทั้งสองคนร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เป็นครั้งแรกที่เสียใจและขมขื่นจากการเสียสิ่งที่รัก มันคงเป็นความรักล่ะมั้งที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไป

               ผมนำหมาน้อยตัวนั้นไปฝังและไม่คิดจะเลี้ยงหมาอีก  นานเท่าไหร่ไม่รู้จนวันนี้เห็นนกฮูกของน้องคณะคนหนึ่งต้องมาตายลงไปเพียงเพราะความรักความผูกพันธ์กับคนที่ช่วยเหลือชีวิต ความรู้สึกเก่า ๆ ที่คิดว่าลืมไปแล้วย้อนกลับมา คำพูดของพระรูปหนึ่งในละครยังคงอยู่ในหัว “มีรักก็มีทุกข์นะโยม สิ่งไหนมีเกิด สิ่งนั้นก็มีดับ เกิดแก่เจ็บตายมันเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่อาจหนีพ้นไปได้…”


4 มีนาคม 2563
ต้นจำปูนหลังบ้าน