พวกเราเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่สนามกีฬาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในเช้าวันเสาร์ โดยสนามแข่งขันจะเป็นโรงยิมใกล้ ๆ สระว่ายน้ำ ภายในโรงยิมมีอัฒจันทร์ และ สแตนด์ สำหรับให้พวกเราไปนั่งเชียร์ เมื่อไปถึง กองเชียร์ก็เข้าไปนั่งตามแสตนด์ที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ ส่วนนักกีฬาก็เริ่มออกมาวอร์มอัพ ผมก็รับรู้ในวินาทีนั้นเลยว่า พวกเราดูห่างไกลจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯมาก ส่วนของกองเชียร์ ลีดเดอร์จากจุฬาและธรรมศาสตร์ แต่งตัวมาอวดประชันกันอย่างเต็มที่ ผมเฝ้ามองน้องคนหนึ่งที่เป็นเหมือนหัวหน้าลีดเดอร์จากจุฬาไม่วางตา ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่า คนสวยๆ ที่ผมเคยเห็นที่บางแสน เทียบไม่ได้เลยกับสาวน้อยที่กำลังวาดลีลาประกอบการเชียร์อยู่ตรงหน้า สุกิจ เดินมากระซิบกับผมก่อนแข่งบาสเก็ตบอลว่า “ไอ้เทียน เดี่ยวกูเอาน้องจากฟิสิกส์ลงด้วยนะ เห็นแล้วแม่ง เก่ง ๆ กันทั้งนั้นเลย” ผมพยักหน้ารับเชิงเห็นด้วย เพราะเท่าที่ดูแล้ว ทีมนักกีฬาจากสถาบันอื่น ๆ นั้นเล่นกันเก่งไม่ใช่ย่อย ตัวก็สูงใหญ่ แค่การซ้อมก็ทำให้สุกิจหนาวสะท้านแล้ว แต่ก็บอกสุกิจไปว่า “กิจเอาพวกเราลงก่อนเถอะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ เดี๋ยวค่อยให้น้องมันลง เรามาแข่งขันกระชับความสัมพันธ์ อย่าไปซีเรียสผลการแข่งขันสิ” สุกิจพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนผมก็ช่วยน้อง ๆ เชียร์กีฬากันต่อไปโดยนั่งข้าง ๆ หน่องที่สแตนด์ชั้นบนสุด จะได้เห็นมุมกว้าง ๆ หน่อย ระหว่างเชียร์กีฬา เหล่าลีดเดอร์ของแต่ละมหาวิทยาลัย ก็จะมีการเวียนมานำลีดที่หน้าสแตนด์ของแต่ละมหาวิทยาลัย โดยใช้เพลงที่ทางแต่ละมหาวิทยาลัยส่งไปให้ก่อนหน้าในการเชียร์เป็นหนึ่งในเพลงบังคับ โอกาสนี้เป็นเวลาที่ผมรอคอย เพราะจะได้ชมลีดเดอร์ของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตา โดยเฉพาะสาวสวยจากจุฬา และเมื่อลีดเดอร์มาทำการแสดงกันครบทุกมหาลัยแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์เป็น 2 มหาวิทยาลัยที่ผมคิดว่าทำได้ดี แต่ลีดเดอร์จุฬาลงกรณ์จะได้คะแนนพิศวาสจากผมไปเต็ม ๆ เพราะน้องลีดเดอร์ผมยาว ขาวสวยคนนั้นที่ผมเห็นแต่แรก ออกท่วงท่าการนำเชียร์ได้ถูกใจผมเสียเหลือเกิน
ขณะที่ผมดูการลีดเพื่อแข่งขันเก็บคะแนน สนามบาสเก็ตบอลก็มีการแข่งขันกันไปพร้อม ๆ กัน ทีมบาสเก็ตบอลพวกเราสู้กับทีมจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ความรู้สึกผมบอกกับตัวเองว่า นี่พวกเค้านอกจากจะเรียนเก่งจนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยดัง ๆ ได้แล้ว ด้านกีฬาเค้าก็เล่นกันเก่งใช่ย่อย เมื่อเกมส์แรกผ่านไป เราแพ้คู่แข่งแบบสู้ไม่ได้ สุกิจกับผมก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องใช้ตัวนักกีฬาจากสาขาอื่น ๆ ของคณะวิทยาศาสตร์ที่ชักชวนกันมาในงานเข้าแข่งด้วย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่น แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ เมื่อจบเกมส์ก็ยังไม่วายที่เราจะแพ้คู่แข่งไปขาดลอยอีกครั้ง ผมยิ้มรับกับผลการแข่งขัน ทั้งการแข่งขันกีฬาและการแข่งขันประกวดกองเชียร์ที่พวกเราอยู่ในลำดับท้ายสุดเพราะเป็นสิ่งที่บอกให้เรารู้ว่า พวกเรายังห่างไกลจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพเหลือเกิน เวทีนี้ทำให้พวกเราหูตากว้างไกลขึ้นมาก ที่สำคัญหลังจากกลับจากงานกีฬาครั้งนั้น ผมเห็นน้อง ๆ สถิติ นำเพลงเชียร์ใหม่ ๆ ที่ได้จากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เข้ามาร้องเชียร์ด้วยหลาย ๆ เพลง เพลงหนึ่งที่ติดหูผมมาจนถึงวันนี้คือ เพลง โอ้ทะเลแสนงาม
โอ้ทะเลแสนงาม (แสนง๊ามแสงาม)
ฟ้าสีครามสดใส (สดใส๊ สดใส)
มองเห็นเรือใบ ( เรือใบ๊ เรือใบ)
ลอยอยู่ในทะเล (ทะเล๊ ทะเล)
หาดทรายงามเห็นปู (เห็นปู๊ เห็นปู)
ดูซิดูหมู่ปลา (หมู่ปล๊า หมู่ปลา)
กุ้งหอยนานา (นาน๊า นานา)
ลอยอยู่ในทะเล (ทะเล๊ ทะเล)
เมื่อเราเดินเที่ยวไป (เดินเที่ยวไป เดินเที่ยวไป)
เดินเที่ยวในทะเล (ทะเล๊ ทะเล)
เราแสนฮาเฮ (ฮาเฮ๊ ฮาเฮ)
เที่ยวทะเลสุขใจ (สุขใจ๊ สุขใจ๊)
เมื่อตะวันตกดิน ( ตะวันตกดิน ตะวันตกดิน )
เห็นเครื่องบินผ่านไป (ผ่านไป๊ ผ่านไป)
เห่าหอนทันใด (โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง)
แสนสุขใจจริงๆ
27
พฤศจิกายน 2555
ต้นจำปูนหลังบ้าน