น้องชายภรรยาผมลากเรือที่ผมนั่งพร้อมกระเป๋า
2
ใบออกมาจากบันไดภายในบริเวณบ้าน เพื่อพาผมมาหน้าบ้าน น้ำบ้านแฟนผมท่วมประมาณขาอ่อน
แต่คุณภาพน้ำเริ่มแย่ลงไปตามวันที่ผ่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้นานอีกหน่อยน้ำคงเน่าจนปลาดุกตัวใหญ่
ๆ ที่หลุดมาจากบ่อ อาจจะนอนหงายท้องตายก็เป็นได้
นุ่งกางเกงยีนส์ตัดขาใส่เสื้อยืดของบริษัทและสวมแจ๊คเก๊ทเดินลากรองเท้าแตะ
ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่หลักสี่ อย่างแรกที่ผมต้องทำก่อนเลยคือจับรถแท๊กซี่จาก 4
แยกที่ถนนราชพฤกษ์ตัดกับซอยจรัญ 13 กระเป๋าทั้ง 2 ใบนั้น ใบหนึ่งเป็น Notebook อีกใบเป็นเสื้อผ้าที่นำมาเปลี่ยนที่ทำงาน
ผมใช้เวลาไม่นานนักก็มีรถแท๊กซี่มาจอดรับ เพราะเป็นบริเวณที่รถเข้ามาส่งคนเป็นระยะ ประโยคแรกที่พี่แท๊กซี่คุยกับผมหลังนั่งเบาะหลังและปิดประตู้เรียบร้อยแล้วไม่ยักกะเป็นเรื่องน้ำท่วม
แต่แกเล่าให้ฟังถึงภูมิหลังแก “น้อง พี่เนี่ยเมื่อก่อนทำธุรกิจ มีเงิน 20 – 30 ล้านเลยนะ” แกเล่าไปพร้อมทั้งกล่าวถึงเพื่อน
ๆ ที่อยู่ในสำเพ็ง เยาวราช “เพื่อนพี่หลายคนมีเงินเป็น 100 ล้านเลย” “แต่พี่มันหลุดเอง
เงินที่หามาได้ หมดไปกับรถ ผู้หญิง การพนัน” ผมตอบรับแกไปเป็นช่วง ๆ เพื่อให้การสนทนาราบรื่นและไม่ขาดระยะ
อากาศช่วงเช้ามีลมหนาวเริ่มโชยมาตั้งแต่ตี 4 แล้ว
ทำให้ผมมองข้างทางระหว่างรถวิ่งไปอย่างมีความสุข
สิ่งที่พี่แท๊กซี่ที่เล่าให้ผมฟังนั้น ผมเข้าใจมานานแล้วว่า การพนัน ผู้หญิง รถยนต์หรู
ๆ เป็นตัวลาญเงินไปจากกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถ้าผมมีโอกาสแบบแก
ไม่แน่ว่าผมอาจจะมาถีบรถ 3 ล้อรับส่งคนหาเงินมายังชีพแทนที่จะขับแบบแกก็เป็นได้ รถแท๊กซี่นำผมมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้า BTS
วงเวียนใหญ่
ผมชำระเงินและเข้าไปซื้อตั๋วรถไฟฟ้าโดยเลือกจุดหมายปลายทางคือสถานีหมอชิต ระหว่างอยู่บนรถไฟฟ้า
เพื่อนที่รักคนหนึ่งก็ส่งข้อความ ผ่าน Face Book เข้ามาสอบถามข่าวคราวการเดินทาง
ผมเหลือบไปเห็นข้อความก็ได้แต่ยิ้มแบบมีความสุข พร้อมทั้งตอบกลับไปเป็นช่วง ๆ บรรยากาศแบบเมืองที่ห่างจากผมไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้ง
สาวๆ หน้าตาน่ารักหลายคนคุยกันอย่างมีความสุข
แต่ก็มีกลุ่มผู้ชายที่คุยกันถึงความห่วยแตกของบอลชายไทย
ซึ่งเมื่อคืนทำงามหน้าอีกแล้วโดยพ่ายให้ทีมอิเหนาไป 1-3
ด้วยเหมือนกัน
รถไฟฟ้าพาผมมายังสถานีหมอชิตก่อน 8
โมงเช้านิดหน่อย
แต่กว่าที่รถทหารจะเข้ามารับก็ 8 โมงครึ่งเข้าไปแล้ว
ผมมีโอกาสได้นั่งรถทหารคันใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต และได้นั่งที่บริเวณแค๊บ
ด้านหลังคนขับ พี่ผู้หญิงคนที่นั่งเบาะด้านหน้าถามขึ้นมาว่า “รถวิ่งไปถึงหลักสี่ไม๊ คะ”
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าไปถึงไหน
ผมเพิ่งมาจากโคราช แต่รถคันนี้จะวิ่งผ่านวัดเสมียน
แล้วผมจะเลี้ยวรถเข้าไปวิ่งคู่ขนานด้านใน” พี่ทหารผู้ใจดีตอบกลับมาแบบสุภาพแฝงไปด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งแบบทหารหาญที่พร้อมช่วยเหลือประชาชน
เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว รถทหารก็ออกวิ่งโดยเริ่มออกจากหน้าหมอชิต
ตรงออกไปและเลี้ยวออกไปทางถนนวิภาวดีรังสิต
ระดับน้ำที่ขังอยู่เริ่มสูง ตาม
ระยะทางที่ผ่านไป
เมื่อไปถึงบริเวณด่านเก็บเงินเพื่อขึ้นทางด่วนโทลเวย์ตรงหน้าอาคาร สำนักงาน ปตท.
ระดับน้ำท่วมถึงครึ่งป้อมที่พนักงานนั่ง วิวสองข้างทางที่รถวิ่งผ่านเหมือนกับว่าผมกำลังนั่งเรือโนอาลำใหญ่
ล่องไปตามลำน้ำกว้างเพื่อหลีกหนีจากน้ำท่วมโลก นาน ๆ ซักครั้งถึงจะมีรถขนาดใหญ่วิ่งสวนเลนมาคันหนึ่ง
ผมเจอรถไถวิ่งอยู่ตรงหน้าเมื่อรถวิ่งมาก่อนถึงทางเข้าวัดเสมียนนารี ซึ่งพี่ทหารก็ขับรถคันใหญ่
แซงไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้เกิดคลื่นรบกวนเบาที่สุด ระหว่างที่นั่งไป
รถยนต์ก็หยุดส่งคนเป็นระยะ ๆ ตามรายทาง บางครั้งเจอคนยืนรอ รถก็หยุดรับคนขึ้นมาเหมือนกัน
เมื่อผ่านวัดเสมียนแล้ว พี่ทหารก็ไม่ได้เลี้ยวเข้าไปในถนนโลคัล โร้ด ตามที่บอก
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมัวแต่มองข้างทางและสังเกตคนที่นั่งบนรถด้านหลัง
เด็กน้องคนหนึ่งมองน้ำอย่างสงสัย น้องเค้าอาจจะคิดไปว่ากำลังนั่งเรือเหมือนที่ผมนึกอยู่ก็ได้ รถทหารวิ่งพาผมมาส่งที่หน้าโครงการ นอร์ธปาร์ค
ซึ่งก่อนจะถึงพี่เค้าถามขึ้นมาว่า “นี่เราถึงวัดเสมียนหรือยัง”
ผมฟังแล้วก็ยิ้มตอบ
พร้อมทั้งอธิบายให้พี่เค้าฟังเพราะเข้าใจแล้วว่าพี่เค้าตั้งใจจะเข้าตั้งแต่วัดเสมียน
แต่ลืมเลี้ยว ผมจึงบอกให้พี่เค้าเข้าถนนโลคัล โร้ดที่หน้าโครงการ นอร์ธปาร์คเลย ก่อนจะลงจากรถผมกล่าวขอบคุณพี่ทหารเค้าอีกครั้ง
และมองดูรถวิ่งไปส่งผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต่อไปจนลับตา
ประสบการณ์ที่น่าประทับใจและหาได้ยากวันนี้ผมคงจำไปอีกนานเลยทีเดียว อือ แต่เย็นนี้เราจะกลับไปบ้านยังไงดีล่ะ
เอาน่าเดี๋ยวถึงเวลาก็คงคิดออกเองแหละ ว่าไม๊
15 พฤศจิกายน 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น