ผมเดินเข้าไปบอกลาอ็อดเพื่อกลับบ้าน ในวันที่อ๊อดแต่งงาน “ขอบคุณมากมณเฑียร
แล้วมณเฑียรจะกลับยังไงล่ะ” อ๊อดถามด้วยความเป็นห่วง “เดี๋ยวเราเรียก Taxi
กลับบ้านได้ สบายมาก” ผมตอบอ๊อดไปแบบนั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับยังไงเหมือนกัน
เพราะผมเพิ่งเคยมาที่เพนนีซูล่านี่ ป็นครั้งแรก
แต่ก็คงไม่ยากนักถ้าจะหารถเมล์ซักสาย แล้วก็นั่งไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบ้านที่
รามอินทรา กม. 8 “เฮ้ยเทียน กลับยังไงวะ” กอล์ฟ ร้องถามตามหลังมาหลังจากเห็นผมกำลังจะออกจากโรงแรม
“กลับ Taxi มั้ง ยังไม่แน่ใจหรืออาจจะกลับรถเมล์”
ผมตอบกลับไป “มณเฑียร กลับด้วยกันสิ
เดี๋ยวกูไปกับอ๊อด แล้วไปส่งมึงต่อก็ได้ บ้านมึงอยู่ไหนล่ะ” ต้อมถามตามมาติด
ๆ ผมไม่รั้งรอให้เสียเวลา
ตอบรับคำเชิญนั้นด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเสี่ยงดวงเอากับรถเมล์ใน
กทม. หรือว่าไปขึ้น Taxi ซึ่งเมื่อดูจากระยะทางจาก โรงแรมจนถึงบ้านแล้ว
ค่อนข้างไกลเอาการอยู่เหมือนกัน
วันนี้
หลาย ๆ คนมาร่วมงานอ๊อดด้วยความยินดี พวกเรา QSBUU ไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว
ต่างคนต่างออกไปทำงานหลังจากจบการศึกษาในหน้าร้อนปี 2537
ถ้านับเวลาวันนั้นมันก็แค่ 8 ปี หลังออกมาเผชิญโชค เพื่อนส่วนใหญ่ที่ผมติดต่อด้วยก็จะเป็นพวก
ต้น อ้อม หน่อง เหน่ง ไก่ ทิพย์ พล ต๋อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสถิติ จนกระทั่งวันนี้แหละที่ได้มีโอกาสเจอกับเพื่อน
ๆ เอกอื่น ๆ บ้าง โดยเฉพาะวาริช เพราะอ๊อดสมัยเรียนก็พักห้องเดียวกับกอล์ฟและนินซึ่งจบวาริชมาเหมือนกัน
“ต้อมมึงจบฟิสิกส์แล้วทำงานอะไรวะ” ผมถามต้อมเมื่อนั่งในรถ
Toyota Altis สีน้ำเงินคันใหม่ของต้อม
“เราทำงานด้านรับเหมาตกแต่งภายในน่ะเทียน” ต้อมบอกมา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผมเป็นอย่างมาก
“อ้าว แล้วมันไปมายังไง ถึงมาทำด้านนี้ได้ล่ะ” ผมถามต่อ “เราไม่ชอบเป็นลูกจ้างใครน่ะเทียน
เราสนใจงานด้านนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
พอจบมีโอกาสทำงานเลยเลือกมาทำด้านนี้เลย”
ผมผงกหัวรับทราบข้อมูลใหม่ ๆ นั่นสิ
แล้วทำไมเราต้องทำงานตามที่เรียนมาด้วยล่ะ “เป็นลูกจ้างเค้านายก็รู้ว่ามันเป็นยังไง
เราชอบอิสระ อยากนอนก็นอน อยากตื่นก็ตื่น ปวดหัวมาก ๆ
เราก็ลากไม้กอล์ฟไปหวดให้หายปวดหัว” ต้อมร่ายยาวให้ผมฟัง “ท่าทางจะรวยนะมึงเนี่ย”
“ก็ถ้าไม่ถูกเจ้าของงานเบี้ยวมันก็จะดีหรอก บางทีก็เจอเช็คเด้งบ้าง
จ่ายช้าบ้าง ไม่จ่ายบ้าง ขอผ่อนเป็นงวด ๆ บ้าง กูเจอมาหมดแล้ว” ต้อมไขความกระจ่างในเรื่องธุรกิจให้กับผม
ซึ่งงานที่ผมทำมันห่างจากเรื่องเหล่านี้มาก กอล์ฟซึ่งนั่งเงียบมาด้วยกันไม่ได้พูดอะไร
วันนี้ผมสังเกตดูกอล์ฟแล้ว หน้าตาค่อนข้างคล้ำ ไม่หล่อใสเหมือนสมัยเรียนที่เป็นที่กรี๊ดของสาว
ๆ มหาวิทยาลัย เลยถามกอล์ฟบ้าง “แล้วกอล์ฟล่ะ
ไปทำอะไรมา ทำไมดูคล้ำ ๆ เหมือนโดนแดดเผา” “ผมไปทำนากุ้งน่ะเทียน
ออกข้างนอกตลอด” กอล์ฟตอบพร้อมรอยยิ้ม ช่วงนั้นนากุ้งกำลังฮิตจนมีข่าวว่าเอานาข้าวมาทำนากุ้งกันด้วย
“ผมแต่งงานได้ 2 ปีแล้วล่ะ
ช่วงนี้เลยต้องทำงานหนักหน่อย เพื่อครอบครัว” จากนั้นกอล์ฟก็เล่าให้ฟังถึงงานที่ได้ทำรวมทั้งชีวิตครอบครัว
เรื่องต่าง ๆ มากมายที่แต่ละคนได้พบเจอ ส่วนต้อมก็เล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังนิดหน่อย
8 ปีที่ผ่านมาสำหรับผมยังคิดว่า
ตัวเองไม่ได้ก้าวออกไปไหนเลย ยังคงทำงานในบริษัท ตำแหน่งเล็กน้อย ครอบครัวก็ยังไม่มี
รถก็ยังไม่มีขับทั้ง ๆ ที่ดูตามอายุแล้ววันนั้นพวกเราต่างก็เลยวัย 30
ปีกันมาแล้ว ซึ่งสิ่งที่ได้ฟังจากต้อมและกอล์ฟ
แลมันดูแตกต่างจากผมเสียเหลือเกิน
ต้อมไปส่งกอล์ฟถึงบ้าน
แล้วก็ขับรถไปส่งผมที่รามอินทรา “ไอ้เทียน บ้านมึงไกลชิบหายเลย”
ต้อมมันบ่นแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
ผมก็ได้แต่ยิ้ม “เออ ไกลจริง ๆ ถ้ามึงไม่มาส่งล่ะก็ กูก็คงเหนื่อยมากเลย
ขอบคุณมึงมากเลยต้อมที่มาส่ง” ผมตอบต้อมและลงจากรถและมองต้อมขับรถเก๋งออกไปจากหมู่บ้านจนลับตา
ต้นจำปูนหลังบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น