วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลับบ้านกับเพื่อนต้อม


ผมเดินเข้าไปบอกลาอ็อดเพื่อกลับบ้าน  ในวันที่อ๊อดแต่งงาน  “ขอบคุณมากมณเฑียร แล้วมณเฑียรจะกลับยังไงล่ะ”  อ๊อดถามด้วยความเป็นห่วง   เดี๋ยวเราเรียก  Taxi  กลับบ้านได้ สบายมาก”  ผมตอบอ๊อดไปแบบนั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับยังไงเหมือนกัน เพราะผมเพิ่งเคยมาที่เพนนีซูล่านี่ ป็นครั้งแรก แต่ก็คงไม่ยากนักถ้าจะหารถเมล์ซักสาย แล้วก็นั่งไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบ้านที่ รามอินทรา กม.  8  “เฮ้ยเทียน กลับยังไงวะ”  กอล์ฟ ร้องถามตามหลังมาหลังจากเห็นผมกำลังจะออกจากโรงแรม  กลับ Taxi  มั้ง ยังไม่แน่ใจหรืออาจจะกลับรถเมล์ ผมตอบกลับไป  มณเฑียร กลับด้วยกันสิ เดี๋ยวกูไปกับอ๊อด แล้วไปส่งมึงต่อก็ได้ บ้านมึงอยู่ไหนล่ะต้อมถามตามมาติด ๆ  ผมไม่รั้งรอให้เสียเวลา ตอบรับคำเชิญนั้นด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง   เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเสี่ยงดวงเอากับรถเมล์ใน กทม. หรือว่าไปขึ้น Taxi  ซึ่งเมื่อดูจากระยะทางจาก โรงแรมจนถึงบ้านแล้ว ค่อนข้างไกลเอาการอยู่เหมือนกัน
วันนี้ หลาย ๆ คนมาร่วมงานอ๊อดด้วยความยินดี พวกเรา QSBUU  ไม่ได้เจอหน้ากันนานแล้ว ต่างคนต่างออกไปทำงานหลังจากจบการศึกษาในหน้าร้อนปี  2537  ถ้านับเวลาวันนั้นมันก็แค่  8  ปี หลังออกมาเผชิญโชค เพื่อนส่วนใหญ่ที่ผมติดต่อด้วยก็จะเป็นพวก ต้น อ้อม หน่อง เหน่ง ไก่  ทิพย์ พล  ต๋อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสถิติ  จนกระทั่งวันนี้แหละที่ได้มีโอกาสเจอกับเพื่อน ๆ เอกอื่น ๆ บ้าง โดยเฉพาะวาริช เพราะอ๊อดสมัยเรียนก็พักห้องเดียวกับกอล์ฟและนินซึ่งจบวาริชมาเหมือนกัน
ต้อมมึงจบฟิสิกส์แล้วทำงานอะไรวะผมถามต้อมเมื่อนั่งในรถ Toyota Altis  สีน้ำเงินคันใหม่ของต้อม เราทำงานด้านรับเหมาตกแต่งภายในน่ะเทียน  ต้อมบอกมา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผมเป็นอย่างมากอ้าว แล้วมันไปมายังไง ถึงมาทำด้านนี้ได้ล่ะ  ผมถามต่อ  เราไม่ชอบเป็นลูกจ้างใครน่ะเทียน  เราสนใจงานด้านนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พอจบมีโอกาสทำงานเลยเลือกมาทำด้านนี้เลย  ผมผงกหัวรับทราบข้อมูลใหม่ ๆ นั่นสิ แล้วทำไมเราต้องทำงานตามที่เรียนมาด้วยล่ะ เป็นลูกจ้างเค้านายก็รู้ว่ามันเป็นยังไง เราชอบอิสระ อยากนอนก็นอน อยากตื่นก็ตื่น ปวดหัวมาก ๆ เราก็ลากไม้กอล์ฟไปหวดให้หายปวดหัว ต้อมร่ายยาวให้ผมฟัง ท่าทางจะรวยนะมึงเนี่ย” “ก็ถ้าไม่ถูกเจ้าของงานเบี้ยวมันก็จะดีหรอก บางทีก็เจอเช็คเด้งบ้าง จ่ายช้าบ้าง ไม่จ่ายบ้าง ขอผ่อนเป็นงวด ๆ บ้าง กูเจอมาหมดแล้ว  ต้อมไขความกระจ่างในเรื่องธุรกิจให้กับผม ซึ่งงานที่ผมทำมันห่างจากเรื่องเหล่านี้มาก  กอล์ฟซึ่งนั่งเงียบมาด้วยกันไม่ได้พูดอะไร วันนี้ผมสังเกตดูกอล์ฟแล้ว หน้าตาค่อนข้างคล้ำ ไม่หล่อใสเหมือนสมัยเรียนที่เป็นที่กรี๊ดของสาว ๆ   มหาวิทยาลัย  เลยถามกอล์ฟบ้าง แล้วกอล์ฟล่ะ ไปทำอะไรมา ทำไมดูคล้ำ ๆ เหมือนโดนแดดเผา” “ผมไปทำนากุ้งน่ะเทียน ออกข้างนอกตลอด กอล์ฟตอบพร้อมรอยยิ้ม ช่วงนั้นนากุ้งกำลังฮิตจนมีข่าวว่าเอานาข้าวมาทำนากุ้งกันด้วย  ผมแต่งงานได้ 2  ปีแล้วล่ะ ช่วงนี้เลยต้องทำงานหนักหน่อย เพื่อครอบครัว  จากนั้นกอล์ฟก็เล่าให้ฟังถึงงานที่ได้ทำรวมทั้งชีวิตครอบครัว เรื่องต่าง ๆ มากมายที่แต่ละคนได้พบเจอ  ส่วนต้อมก็เล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังนิดหน่อย  8  ปีที่ผ่านมาสำหรับผมยังคิดว่า ตัวเองไม่ได้ก้าวออกไปไหนเลย ยังคงทำงานในบริษัท ตำแหน่งเล็กน้อย ครอบครัวก็ยังไม่มี รถก็ยังไม่มีขับทั้ง ๆ ที่ดูตามอายุแล้ววันนั้นพวกเราต่างก็เลยวัย  30  ปีกันมาแล้ว ซึ่งสิ่งที่ได้ฟังจากต้อมและกอล์ฟ แลมันดูแตกต่างจากผมเสียเหลือเกิน
ต้อมไปส่งกอล์ฟถึงบ้าน แล้วก็ขับรถไปส่งผมที่รามอินทรา  ไอ้เทียน บ้านมึงไกลชิบหายเลย ต้อมมันบ่นแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก ผมก็ได้แต่ยิ้ม เออ ไกลจริง  ๆ ถ้ามึงไม่มาส่งล่ะก็ กูก็คงเหนื่อยมากเลย ขอบคุณมึงมากเลยต้อมที่มาส่ง ผมตอบต้อมและลงจากรถและมองต้อมขับรถเก๋งออกไปจากหมู่บ้านจนลับตา

9 สิงหาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น