ผมเคยได้ยินประวัติเข้าสามมุกมาเมื่อครั้งยังเด็ก ๆ เรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมซึ่งเป็นเรื่องความรักที่ไม่สมหวังของหนุ่มแสนกับสาวมุก ความจริงเรื่องผิดหวังมันเป็นเรื่องธรรมดาโลกไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้จดจำของชาวบางแสนคือการรักษาสัจจะที่ทั้งคู่ให้ไว้ต่อกันจนบทสรุปสุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรมและเป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
ผมมองขึ้นไปบนเขาสามมุกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า มองเห็นลิงตัวน้อยหลายตัว ปีนป่ายอยู่บนกิ่งไม้เพื่อมองหาอาหารระคนสงสัยกับกลุ่มมนุษย์ที่มารวมตัวกันเบื้องหน้าพวกมัน แดดเริ่มร้อนแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้พวกเราย่อท้อกับการเดินทางมาสักการะเจ้าแม่ได้ เนื่องจากวันนี้พวกเรา Quarter Science BUU ทุกคนถูกจัดให้เดินออกมาจากมหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มใหญ่แต่เช้าเพื่อมาสักการะเจ้าแม่เขาสามุก ก่อนจะออกเดินทางมาจะมีการจับคู่เป็นบั๊ดดี้ซึ่งต้องเดินด้วยกันมาเป็นคู่ ๆ ชายหญิง คู่บั๊ดดี้ของผมคืออ๊อดเอกชีวะวิทยาโดยคอนเซ็ปของพี่ว๊ากที่ตะโกนกรอกหูพวกเราจนจำขึ้นใจว่า “น้องผู้ชายต้องดูแลน้องผู้หญิงนะคร๊าบ” เสียงพี่นัทเอกจุลชีวะวิทยา(ขณะนั้น) ก็ตามมาสำทับ “คุณ เหนื่อย คุณร้อน คุณก็ต้องอดทน พวกผมไม่เอาคุณไปลำบากมากหรอก” ผมฟังแล้วแรก ๆ ก็กลัว ๆ นะ แต่หลัง ๆ มันออกแนวตลกปนขำ ๆ ซะมากกว่าเพราะรู้ว่ามันเป็นหน้าที่พี่ ๆ เค้า พวกเรารวมตัวกันหน้าตึกฟิสิกส์ช่วงเช้าตรู่ และออกเดินมาตามถนนสู่หน้ามหาวิทยาลัย เมื่อเริ่มเดินออกจากหน้าตึกฟิสิกส์สถานที่สำคัญแห่งแรกที่พวกเราเดินผ่านก็คือหอพระ ซึ่งเมื่อเดินผ่านหอพระผมและเพื่อนๆ ก็ยกมือไหว้ขอพรและเดินผ่านหอพักชายที่อยู่ด้านขวามือของพวกเราโดยเริ่มจากหอชาย 5,6,7,8,9 และหอชายสุดฮิต หอชาย 10 ที่ผมและเหล่าน้องใหม่คณะวิทยาศาสตร์รหัส 33 ได้เข้าพักเป็นส่วนใหญ่ ถัดจากหอชาย 10 ต่อไปจะเป็นสวนมะพร้าวที่พวกเรานัดกันมาเล่นฟุตบอลเป็นประจำ เมื่อเดินผ่านหอชาย 10 ไปแล้วก็จะถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งขณะนั้นยังเป็น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒวิทยาเขตบางแสน พวกเราเลี้ยวซ้ายและเดินกันไปตามไหล่ทางและบนถนนที่มุ่งตรงไปสู่หาดบางแสน แต่ก่อนที่จะถึงหาด เราเลี้ยวขวา ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงกันข้ามเพื่อเดินไปยังเขาสามมุก ซึ่งจะเป็นถนนที่ตัดสู่ภูเขาโดยตรง
“โอ๊ย ร้อนจริง ๆ โว้ย” เสียงยะเอกฟิสิกส์ตะโกนออกมาด้านซ้ายมือผม เปล่าหรอก ยะไม่ได้ร้อนจนเพี้ยนหรือต่อต้านกิจกรรมนี้ แต่เป็นเพราะพี่ ๆ ผู้หญิงชั้นปีที่ 2 ที่เดินมาข้าง ๆ กันบอกให้ยะร้อง ซึ่งก็ได้ผล เพราะมีเสียงตอบรับจากว๊ากเกอร์ตามมาติด “ร้อนก็ถอดเสื้อสิคร๊าบ ถอดเสื้อเดี๋ยวนี้” นั่นไงมีรับมีส่ง ยะทำหน้าเหรอหราแบบ งง งง แต่ก็ต้องจำใจถอดเสื้อออกมาโชว์หุ่นก้าง ๆ แห้ง ๆ แบบกิ้งก่าออสเตรเลียออกมา ผมล่ะสงสารยะจริง ๆ แต่ผมเห็นหุ่นมันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เออ อย่างน้อยก็มีคนผอมกว่าผมคนหนึ่งล่ะครับคุณเทียน เพื่อนผู้หญิงหลาย ๆ คนข้างๆ ผมไม่กล้าหัวเราะออกมาทั้ง ๆ ที่ก็ขำ คงเพราะกลัวโดนลูกหลงไปด้วยในที่สุดพวกเราก็ไปถึงเขาสามมุกกันจนได้แต่ก็สะบักสะบอมทุลักทุเลเพราะถูกว๊ากเกอร์กลั่นแกล้งสารพัด แต่ก็อย่างว่าพวกเรามันพระเอกนางเอกในหนังในละคร ก็ต้องอดทน เมื่ออยู่ตรงถนนหน้าเขาขณะที่ผมยืนมองลิงเพลิน ๆ อยู่นั้น ก็มีขวดพลาสติกใส่น้ำทะเลรสชาติเข้มข้นถูกส่งเข้ามาตามแถว โดยพี่ว๊ากเกอร์สั่งให้ทุกคนต้องช่วยกันดื่มน้ำในขวดให้หมดไม่ว่าหญิงหรือชายเพื่อความสามัคคี “ช่วยกันดื่มให้หมด น้ำนิดเดียว พวกคุณตั้งเยอะ ถ้าแถวไหนดื่มไม่หมดจะถูกลงโทษ” ขอบคุณมากกระผมรักพวกท่านมากมายเลยว๊ากเกอร์ทั้งหลาย ผมได้แต่คิดในใจ ตอนที่ผมรับน้ำขวดนั้นมามันยังเหลือเกือบค่อนขวด แต่ด้วยความคึกคะนองผสมกับไม่อยากให้เพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ ต้องมาผะอืดผะอมกับรสชาติน้ำทะเล ผมเลยซัดไปคนเดียวเกือบครึ่งขวด จากนั้นจึงส่งต่อให้เพื่อน ๆ ในแถวรับไปดื่มต่อ จนเมื่อไปถึงท้ายแถวน้ำก็หมด ไม่ถูกลงโทษ เมื่อแกล้งกันหนำใจแล้ว พี่ ๆ จึงให้พวกเราเข้าไปสักการะเจ้าแม่เขาสามมุก โดยศาลเจ้าแม่เขาสามมุกจะมี 2 ศาลคือ ศาลเก่าซึ่งจะมีขนาดพื้อนที่เล็กกว่า และศาลใหม่ แต่ทั้ง 2 ศาลจะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก พวกเราทยอยกันเข้าไปสักการะที่ศาลเก่า ซึ่งระหว่างไหว้เจ้าแม่ ผมก็อธิฐานขอให้เรียนบางแสนสำเร็จภายใน 4 ปี อย่าถูกรีไทร์ ส่วนคนอื่น ๆ ผมไม่รู้ว่าทุกคนอธิฐานอะไรกันบ้าง แต่ถ้าจะให้เดาก็คงไม่แตกต่างจากที่ผมขอมากนัก ผ่านมาแล้ว 20 กว่าปีสิ่งที่ขอของผมนั้นสมหวังไปแล้ว ส่วนเพื่อน ๆ ล่ะ อธิฐานขออะไรกันบ้าง ยังจำกันได้หรือเปล่า ถ้าจำได้เรามาทบทวนกันอีกครั้งดีไม๊
29 สิงหาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน