วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

นกน้อยตัวนั้น

                                        ระหว่างนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน มีเสียงเหมือนมีคนเคาะกระจกหน้าต่างใกล้ๆ กับโต๊ะที่ผมนั่งทำงาน เสียงดัง ก๊อกๆๆๆๆๆ รัวถี่จนทำให้ผมต้องละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเพื่อหันไปมองที่มาของเสียงแล้วก็เห็นนกตัวหนึ่งมองมาที่ผมและใช้ปากเล็กๆ จิกกระจกอีกครั้งแบบรัวๆ ผมมองสบตานกแต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร สักพักนกตัวนั้นก็บินโผไปเกาะกิ่งมะกรูดและมองมาที่ผมอีกครั้งก่อนจะบินจากไป 



                                       ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง นกตัวเดิมก็บินมาทำกริยาเดิมอีกครั้ง ทั้งการเอาปากจิกกระจกให้เกิดเสียงดังเหมือนจะส่งสัญญาณบางอย่าง มองสบตาผมแล้วก็บินโผไปเกาะกิ่งมะกรูดอีกครั้ง ผมเอะใจขึ้นมาเพราะไม่เคยมีนกมาทำแบบนี้มาก่อน นกต้องการอะไร? ทันใดนั้นผมก็นึกออกว่าวันนี้ยังไม่ได้รดน้ำต้นไม้หลังบ้านโดยเฉพาะต้นลำพูและต้นโกงกางที่ผมปลูกไว้ในกระถางใกล้ๆ กับที่นกบินมาจิกกระจก หรือน้ำในกระถางจะแห้งจนนกไม่มีน้ำกิน? ผมรีบเดินออกไปดูที่กระถางต้นไม้ทั้งสองต้นแล้วก็เป็นดังคาด น้ำในกระถางแห้งจนไม่มีน้ำขังอยู่เลย ผมรีบเอาสายยางมาเปิดน้ำใส่ต้นไม้ทั้งสองต้นให้เต็มจนล้นกระถางเผื่อนกตัวดังกล่าวหิวน้ำจะได้บินมากิน เมื่อใส่น้ำเรียบร้อยแล้วก็กลับมานั่งทำงานต่อไป ผมพยายามมองหานกตัวดังกล่าวตลอดทั้งวันแต่นกก็ไม่มาอีก อาจจะเพราะนกได้น้ำตามต้องการแล้วจึงไม่บินมากวนผม

24 มิถุนายน 2564

ต้นจำปูนหลังบ้าน

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

หมอทำขวัญที่ชื่อว่าคุณไวพจน์ เพชรสุพรรณ

วันที่ 21 มิถุนายนของแต่ละปีจะมีการนำมุกไวพจน์ลาบวชมาเล่นกันในหมู่คนไทยที่ร้อนผ่านหนาวมาค่อนชีวิตแทบทุกครั้ง ที่มาของมุกดังกล่าวก็มาจากเพลง “ไวพจน์ลาบวช” ที่ผมคุ้นหูมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่มใหญ่ (ใครเรียกผมว่าลุงมีโกรธนะตอนนี้) ผมพยายามหาว่าเพลงนี้มีการอัดเสียงปีไหนแต่ก็จนใจจริง ๆ อาจจะเพราะสมัยก่อนเราไม่ค่อยมีการบันทึกอะไรกันเป็นทางการแบบฝรั่งมังค่ามันเลยทำให้เรื่องราวหลาย ๆ อย่างกลายเป็นเรื่องเล่าขานที่ถูกกาลเวลากลืนกินและยังหาที่มาที่ไปได้อย่างยากลำบาก วันที่ 21 มิถุนายนของแต่ละปีจะมีการนำมุกไวพจน์ลาบวชมาเล่นกันในหมู่คนไทยที่ผ่าน

สำหรับคุณอาไวพจน์ผมมีโอกาสเจอท่านเมื่อครั้งที่คุณอาน้องชายของคุณพ่อได้ว่าจ้างคุณไวพจน์มาทำขวัญนาคให้กับลูกชาย ส่วนจะเป็นปีไหนผมก็จำแทบจะไม่ได้แล้ว ซึ่งหากคำนวณจากอายุของลูกคุณอาก็น่าจะเป็นประมาณปี 2547 – 2548 ในงานบวชน้องชายผมอีกคนที่ชื่อหรั่งเป็นช่างภาพซึ่งในสมัยนั้นการถ่ายรูปยังใช้กล้อง SLR ที่ใช้ฟิล์มขนาด 35 มิลลิเมตร และแน่นนอนฟิล์มสีต้อง Kodak เท่านั้น

ภายในงานบวชวันสุกดิบที่มีการทำขวัญนาค ผมเดินไปเดินมาโดยไม่ค่อยได้ช่วยอะไรมากนักเนื่องจากทางเจ้าภาพมีญาติพี่น้องทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่มาช่วยงานกันอย่างมากมายอยู่แล้ว ผมเลยได้โอกาสดูลีลาการทำขวัญนาคของคุณอาไวพจน์อย่างเต็มอิ่ม ซึ่งเมื่อเสร็จจากการทำขวัญนาคในช่วงบ่ายแล้วทุกคนต่างทะยอยออกมาจากบ้านงานและกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวและมางานกินเลี้ยงในช่วงเย็น ซึ่งในขณะนั้นเองคุณอาไวพจน์ได้เดินออกมาทางที่ผมและน้องหรั่งยืนคุยกันอยู่พอดี น้องหรั่งช่างภาพรูปหล่อก็บอกกับผมเชิงตลกว่า “พี่หน่อง นั่นคุณอาไวพจน์ศิลปินแห่งชาตินะคร้าบ เราจะไม่เก็บรูปท่านไว้หน่อยหรือ” ผมได้ฟังเจ้าน้องชายพูดก็พอดีมองไปเห็นแม่ที่กำลังเดินออกมาจากบ้านงาน ไวเท่าความคิดผมไปจูงมือแม่มาใกล้ ๆ และเข้าไปขออนุญาตคุณอาไวพจน์เพื่อให้น้องหรั่งถ่ายรูปคุณแม่คู่กับคุณอาไว้เป็นที่ระลึก เมื่อถ่ายรูปเสร็จคนอื่น ๆ ที่เห็นต่างก็มาขอถ่ายรูปคู่กับคุณอาไวพจน์กันใหญ่ทำให้ผมหมดโอกาสที่จะมีรูปคู่กับคุณอาแต่น้องหรั่งก็ไม่ได้ถ่ายรูปมากนักอาจจะเป็นเพราะแขกที่มาในงานที่ตอนแรกตั้งใจจะถ่ายรูปคู่กับคุณอาไวพจน์ต่างก็เกรงใจคุณอาและเกรงใจเจ้าของงานเพราะรูปถ่ายแต่ละรูปก็ต้องใช้ฟิล์มซึ่งถือว่าเป็นของที่มีราคาในสมัยนั้น

หลังวันงานผมกำชับให้น้องสาวนำฟิล์มไปอัดรูปคุณแม่ที่ถ่ายคู่กับคุณอาไวพจน์และนำมาใส่กรอบแขวนโชว์ไว้ที่บ้านพ่อ ซึ่งเมื่อผมกลับบ้านที่ระยองครั้งใดพอเหลือบไปเห็นรูปดังกล่าว เสียงน้องหรั่งจะลอยมาเข้าโสตประสาททุกครั้งว่า “พี่หน่อง ท่านคือศิลปินแห่งชาตินะครับ” นึกแล้วก็ขำตัวเองในวันนั้นทุกทีถึงแม้เวลาจะผ่านไปนับสิบปีแล้วก็ตาม

 



คุณอาไวพจน์ เพชรสุพรรณได้รับการประกาศให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ในปี พ.ศ. 2540

 

21 มิถุนายน 2564 

ต้นจำปูนหลังบ้าน

 

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

คนไทยทุกคนมีหน้าที่รับ Vaccine ป้องกัน COVID-19

                                 แม่ผมเป็นแม่ค้าที่นำไปของไปขายที่ตลาดนัดแถวบ้านและน่าจะเป็นคนไม่กี่คนที่ได้รับการฉีด Vaccine ป้องกัน COVID-19 เข็มที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ผมสอบถามแม่ถึงคนอื่น ๆ ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดเหมือนกันว่ามีใครไปฉีดวัคซีนมาบ้างหรือยัง คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้รับรู้ถึงวิธีคิดของคนในชนบทที่ไม่ได้ห่างไกลกรุงเทพฯ ได้ดีมากยิ่งขึ้นและรวมไปถึงการรับข่าวสารที่ผิดพลาดมากมาย บางคนว่าไม่ฉีดเพราะบอกว่า เห็นเขาว่ากันว่าฉีดแล้วมีคนเสียชีวิตมากซึ่งไม่เป็นความจริง แต่คนเหล่านั้นไม่เคยรู้เลยว่าคนที่ตายเพราะไม่ฉีดวัคซีนวันละหลายสิบคนทั้งๆ ที่ข่าวออกทุกวัน บางคนว่าไม่ฉีดหรอกแต่รอให้คนอื่น ๆ ฉีดก่อนตนเองคงไม่เป็นอะไร บางคนไม่ฉีดเพราะอ้างว่าไม่มีเวลา เมื่อคุยกันจนแล้วเสร็จ พ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นก็บ่นว่าตั้งแต่ COVID-19 ระบาดคนไม่ออกมาซื้อของเพราะกลัว เมื่อไหร่โรคนี้มันจะหายไปจากประเทศไทยเสียที ผมนึกไปถึงคนเห็นแก่ตัวและโง่เขลาที่มักจะมองอะไร ๆ แบบเห็นแก่ตัวเสมอ รวมถึงไม่เคยเสียสละอะไรเลยแม้แต่การฉีด Vaccine เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุดซึ่งสุดท้ายมันก็ส่งผลดีต่ออาชีพของเขานั่นแหละ




20 มิถุนายน 2564

ต้นจำปูนหลังบ้าน


วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ก่อนนอนคืนนี้

                               ผมเคยไปงานแต่งงานของชาวคริสต์ที่โบสถ์คริสต์ จ. พิษณุโลก สมัยที่ผมเข้าทำงานใหม่ๆ ในปี 2537 คำสอนหนึ่งที่คู่บ่าวสาวได้รับการสอนจากผู้ที่มาทำพิธีในงานก็คือ ก่อนที่ทั้งคู่จะนอนหลับในแต่ละคืน ขอให้ทั้งคู่นอนหลับไปด้วยความสุขและความสบายใจของทั้ง 2 คน อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งลำบากใจหรือมีเรื่องค้างคาใจ เกือบ 10 ปีที่ผมแต่งงาน อาจจะไม่ทุกคืนที่ผมนอนหลับไปโดยที่เราทั้งสองคนสบายใจ แต่ก็น้อยครั้งมากที่ยังมีเรื่องยังค้างคาใจ ระยะหลังพยายามปรับความคิดพูดคุยและนอนหลับไปด้วยกัน อายุมากขึ้น เพื่อนรอบข้างเริ่มหายหน้า ไป ถ้าอยู่กันแค่สองคนแล้วคนข้างๆ ยังไม่มีความสุขเราจะผ่านแต่ละคืนไปได้อย่างไร




19 มิถุนายน 2564

ต้นจำปูนหลังบ้าน

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ล๊อตเตอรี่ที่รัก

22:30 น. คุณแม่โทรมาหาผมด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนดีใจที่ได้คุยกับผมมากผิดปกติ เหมือนแม่จะมีเรื่องดีๆ ที่อยากเล่าให้ผมฟัง พอผมสอบถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาแม่ลูกเรียบร้อยแล้วแม่ก็เข้าเรื่องโดยทันที แม่เล่าว่าแม่ถูกล๊อตเตอรี่เลขหน้า 3 ตัวซึ่งเป็นล๊อตเตอรี่ที่ผมให้น้องสาวซื้อให้แม่เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว และที่ผมต้องขวนขวายไหว้วานให้น้องสาวซื้อให้แม่เพราะผมฝันไปว่าผมขับรถยนต์ประจำตัวของผมพาแม่ไปเที่ยวแล้วไปจอดรถไว้ที่แห่งหนึ่งที่เป็นที่พัก จากนั้นในฝันรถยนต์ของผมได้หายไป ผมสอบถามแม่ในฝันแม่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนเหมือนกันจนผมตกใจตื่นแล้วก็รู้ว่าแค่ฝันไป ผมไม่เคยฝันว่าไปเที่ยวกับคุณแม่มาก่อนเลยคิดว่าแม่น่าจะมีโชคจึงส่ง Line ไปบอกน้องสาวให้จัดการเป็นธุระจัดหาล๊อตเตอรี่ให้แม่ตามเลขทะเบียนรถ น้องสาวซื้อล๊อตเตอรี่ให้แม่ 1 คู่และบอกให้แม่ซื้อเองตามเลขที่ผมบอกด้วย สุดท้ายคุณแม่ถูกล๊อตเตอรี่ที่ได้ซื้อเองจริงๆ 2 ใบ



สำหรับเงินรางวัลที่ได้อาจจะไม่มากนักแต่สิ่งที่น่าชื่นใจคือผมได้ยินเสียงที่ร่าเริงสดใสของแม่ผ่านมาทางเสียงโทรศัพท์ แม่บอกว่าไม่ถูกหวยมานานมากคราวนี้ถูกเสียที เสียงของแม่ดีใจมากจริงๆ โดยส่วนตัวผมเคยเปรยๆ กับภรรยาว่าหลังจากพ่อผมจากไปผมจะซื้อล๊อคเตอรี่ให้แม่ในแต่ละเดือนเพราะอยากเห็นแม่มีความหวังและเฝ้ารอว่าจะถูกล๊อตเตอรี่ซึ่งจะทำให้แม่มีกำลังใจมีพลังชีวิตที่จะอยู่กับลูกๆ ต่อไปนานๆ แต่ก็ไม่ได้มอมเมาอะไรเพราะทุกครั้งจะบอกกับแม่เสมอว่าถ้ามันจะถูกเดี๋ยวก็ถูก เอาแค่เรามีความสุขกับมันบ้างแต่อย่าไปลุ่มหลงกับมันก็พอแล้ว







1 มิถุนายน 2564
ต้นจำปูนหลังบ้าน