พวกเราเหมือนถูกต้อนกันเข้าไปรวมกันที่ห้อง
TV ในหอชาย 10 ด้านนอกรอบ ๆ หอนั้น
ชายฉกรรจ์รุ่นราวคราวเดียวกันแต่หน้าตาเอาเรื่องยืนล้อมทางออกไว้ทุกด้าน
ผมกับสมโภชน์ยืนอยู่ข้าง ๆ กันด้วยอารมณ์ตื่นกลัว สักพักเอ วาริช
เดินเข้ามาในหอหน้าเครียด ๆ “กูไม่เจอไอ้โรจน์ว่ะ มันเข้าไปในเมือง” วิโรจน์เพื่อนคนเดียวที่พอจะช่วยเราคลี่คลายสถานการณ์เลวร้ายคืนนี้ได้ก็ไม่อยู่ซะแล้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะเพื่อนเราคนหนึ่งไปมีเรื่องกับเพื่อนต่างคณะ
สถานการณ์ลุกลามใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย กลุ่มเด็กแปดริ้วหลาย
ๆ คนที่พักอยู่ด้วยกันที่หอพยายามช่วยเหลือเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไป
แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทั้ง ชัช เอ กอล์ฟ
ถนอมศักดิ์
เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเป็นคนที่ผมสงสารมากที่สุดในคืนนั้น เหตุจากโอ๋เข้าไปช่วยเพื่อน ๆ เคลียร์ปัญหา
แต่กลายเป็นว่าการออกไปแก้ปัญหาแบบลูกผู้ชายของโอ๋ จะกลายเป็นปมขมวดจนคืนนี้เป็นคืนที่อยากจะลืมเลือน
แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเลวร้ายไปจนถึงที่สุด สุกิจ เดินเข้าไปไหว้พวกชายเหล่านั้น
ด้วยแววตาอ้อนวอนขอให้ทุกเรื่องจบ และให้อภัยให้กันทั้งหมด
ผมได้ยินเสียงขอร้องของสุกิจเหมือนแทบจะร้องไห้ เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนเทาทองที่ร่วมเข้าเรียนด้วยรหัส 33
มาด้วยกัน แต่ดูเหมือนสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น
“ไอ้คนที่ทำเพื่อนกูเจ็บมันอยู่ไหนวะ
ออกมา ออกมา” เสียงดังกร้าวผสม
ก้าวร้าวดังมาจากภายนอกหอเหมือนท้าทายให้ทุกคนรับรู้ถึงความโกรธแค้น
ทุกคนนิ่งเงียบเหมือนกับเวลาจะหยุดหมุน เด็กร่วมหอ 10 ที่อยู่ต่างคณะคนหนึ่ง
เดินเข้ามาจูงมือพวกเราเพื่อให้ออกกันไปประหมัดให้รู้ดีรู้ชั่ว ใจผมคิดตอนนั้นว่า
นี่หรือวะ คนที่อยู่ร่วมหอ คนที่เคยไปออกค่ายอาสาด้วยกัน
ทำไมมาทำเพื่อนกูอย่างนี้
แต่ก็คงได้แค่คิดและก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเตรียมพร้อมหากเกิดการตะลุมบอนขึ้นมาจริง
ๆ ผมนิ่งเงียบแทบจะหยุดหายใจ ฉัตร,สมโภชน์,สุกิจ,เอ ก็คงไม่รู้สึกต่างจากผมนัก ทันใดนั้นเอง
โอ๋ เด็กศึกษาศาสตร์ เดินผ่านผมออกไปทางประตูหน้าหอไปยังบริเวณสนามหญ้าหน้าหอระหว่างหอ
9 และหอ 10 สิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกจบลงคือโอ๋
ต้องออกไปจัดการให้เรียบร้อย ท้ายที่สุด โอ๋ เด๊กแปดริ้วที่ผมนับถือน้ำใจก็ออกไปถูกชายฉกรรจ์ล้อมกรอบและรับมือรับเท้าแทนพวกเราทุกคน
พวกมันหมาหมู่และใช้อาวุธเป็นไม้ตีเข้าที่แขนโอ๋หลายครั้งจนหนำใจมันถึงเลิกลาไป
คืนนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต 4 ปีแสนสุขที่บางแสนที่ผมร้องไห้เสียน้ำตา
ผมสงสารเพื่อนเดินเข้าไปปลอบใจบีบมือและให้กำลังใจ สุกิจก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผม “ไม่เป็นไร มณเฑียร เรื่องแค่นี้ สบายมาก” โอ๋พูดพร้อมกับหัวเราะหึ
ๆ และหันไปเอามือลูบหัวเจ้าหนุงหนิง หมาเพศเมียที่โอ๋เลี้ยงไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่หอ 10 และนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงร้องเจ็บจากโอ๋
แต่ในใจผมไม่เคยเจ็บแบบนี้มาก่อนเลย
ทุกครั้งผมดูรูปเก่า ๆ ที่เกี่ยวกับม.บูรพา ชื่อ ถนอมศักดิ์
จะถูกสะกิดออกมาทุกครั้งถึงความใจถึง ความกล้าหาญรักเพื่อน ไม่ทอดทิ้งกัน
ผมยังคอยติดตามข่าวของโอ๋อยู่เสมอจนวันเวลาค่อย ๆ ทำให้เราห่างกันไป
แต่เวลาไม่เคยทำให้ผมหลงลืมเรื่องราวคืนนั้นได้เลย
18 พฤศจิกายน 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน