วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2564

วันเด็กบนดอยในความทรงจำ

                          วันเด็กปี 2554 ผมมีโอกาสไปออกค่ายวันเด็กกับกลุ่มคนสร้างฝันที่ ร.ร.ตชด.เฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา(บ้านหม่องกั๊วะ จังหวัดตาก)  โดยผมได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมสันทนาการเพื่อนำเด็ก ๆ เล่นเกม  ค่ายนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมมีโอกาสไปร่วมกับทีมงานคนสร้างฝัน สิ่งพิเศษสำหรับผมครั้งนี้ก็คือคุณนุชที่ตอนนั้นยังเป็นแฟนกันกับผมได้มีโอกาสไปร่วมค่ายด้วยกัน คงจะเพราะสงสัยกระมังว่าผมออกไปทำอะไรที่ชายแดนติดขอบประเทศพม่า  

                        เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ คืนวันที่ 7 มกราคม โดยผมนั่งรถไปกับพี่แอ๊ดเจ้าของรถ Pajero และทำหน้าที่คนขับโดยมีคุณน้องนุชกับน้องแนตนั่งไปด้วยกัน การเดินทางจาก กทม. ไปถึงจังหวัดตากไม่ยากนักแต่หลังจากเราขึ้นเขาซึ่งผ่านโค้งพันกว่าโค้งและลงไปถึงอุ้มผางระยะทางต่อจากนั้นจนไปถึงโรงเรียนหม่องกั๊วะถึงจะไม่ไกลมากแต่ทางค่อนข้างลำบากจนใช้เวลาไปมากกว่าที่วางแผนไว้ ซึ่งแต่แรกเราวางไว้ว่าจะไปถึงโรงเรียนในช่วงเช้าก่อน 9 โมงเพื่อเตรียมอาหารและเล่นกิจกรรมวันเด็กเด็กแต่เรากลับเดินทางไปถึงโรงเรียนประมาณ 11 นาฬิกา เมื่อไปถึงคงเด็ก ๆ ประถมที่รอเราอยู่ในชุดชาวเขาดูจะดีใจมากกันเป็นพิเศษ ทีมงานเราแบ่งออกเป็น 2 ทีมคือ ทีมสันทนาการคือผมที่นำเด็ก ๆ เล่นเกมแจกของรางวัล กับทีมแม่ครัวทำอาหาร วันนั้นเราเตรียมก๋วยเตี๋ยวไปทำให้เด็ก ๆ เป็นอาหารกลางวัน ระหว่างที่นำเล่นเกมกับน้อง ๆ  เด็ก ๆ ดูจะมีความสุขกับเกมที่เราเตรียมไปเล่น ระหว่างที่เล่นเกมผมให้น้อง ๆ ไปสอบถามกับทางครัวว่าจะสามารถเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวให้เด็ก ๆ ได้เวลาไหน ทางห้องครัวแจ้งว่าเด็กจะได้ก๋วยเตี๋ยวตอนบ่ายโมง ความหิวของผมกับทีมงานไม่เท่ากับความกังวลที่ว่าเด็กจะทานอาหารกลางวันช้าไป 1 ชม. สิ่งที่เราทำให้ดีที่สุดก็คือเล่นเกมกับเด็ก ๆ ให้สนุกที่สุดเพื่อให้เด็กลืมความหิวระหว่างที่พ่อครัวแม่ครัวของทีมงานกำลังจัดเตรียมอาหาร

                       หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 ชม. ที่เล่นเกม ผมปล่อยเด็ก ๆ ไปรับอาหารจากโรงครัวตอนบ่ายโมงพอดี เด็ก ๆ เข้าแถวรับอาหารและนั่งทานด้วยกันอย่างมีความสุข น่าจะเป็นครั้งแรกของเด็กหลาย ๆ คนที่ได้มีโอกาสทานก๋วยเตี๋ยว และแทบทุกคนจะขอก๋วยเตี๋ยวเพิ่มหลังจากทานชุดแรกหมด คนทำ คนเสิร์ฟเห็นแล้วก็ชื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่นึกหิวข้าวกลางวันอาจจะเพราะเห็นเด็ก ๆ  ทานอาหาร มันรู้สึกอิ่มใจจากข้างใน วันนั้นทีมงานได้เตรียมไอศกรีมไปให้เด็ก ๆ ทานกันด้วยโดยนำมาแจกกันกลางสนามฟุตบอลหลังจากทานก๋วยเตี๋ยวกันอิ่มแล้ว




                     หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนฉุกละหุก ในช่วงบ่ายเป็นเวลาของเด็ก ๆ ที่เตรียมการแสดงและการละเล่นต่าง ๆ ให้เราชม เช่นร้องเพลงบนเวที การแสดงกลางสนามจากนั้นผมก็นำนำเล่นเกมและส่งท้ายด้วยการแจกของรางวัลที่คนจากแดนไกลนำมาแจกด้วยความเต็มใจ  หลังจากกิจกรรมกับเด็ก ๆ จบสิ้นลงแล้ว ผมมีโอกาสฟังคุณครูซ่างเป็นตำรวจตระเวนชายแดนเล่าให้ฟังถึงโรงเรียนนี้ เด็ก ๆ ที่บ้านไกลทุกคนจะมาพักที่โรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือในวันจันทร์ถึงพฤหัสฯ และจะเดินทางกลับบ้านในวันศุกร์ โดยระยะทางอย่างต่ำที่เด็กคนหนึ่งเดินทางคือ 10 กิโลเมตรขึ้นไป  บางคนอยู่ไกลถึง 30 กว่ากิโลเมตรแต่ว่าเด็กแต่ละคนก็ไม่ได้ย่อท้อกลับรู้สึกรักการเรียน ที่โรงเรียนมีการทำแปลงเกษตรปลูกผัก เลี้ยงไก่เพื่อนำไข่มาประกอบอาหารโดยแรงงานก็คือเด็ก ๆ ทุกคนที่มาเรียน โรงเรียนแห่งนี้มีสนามฟุตบอลที่ชาวบ้านนำโคมาเลี้ยง มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์  ส่วนชาวบ้านนั้นสามารถใช้ไฟฟ้าโดยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แยกกันไปในแต่ละบ้าน แต่ก็มีกันไม่ครบทุกบ้าน ดูแล้วทุกคนมีความสุขตามวิถีทางที่พวกเขาเป็น

            เรามีการแข่งขันฟุตบอลกับชาวเขาที่เป็นชาวเขาจริง ๆ  เพราะภาษาที่พวกเขาใช้สื่อสารเป็นภาษาที่ผมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน นี่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของเขาเพราะเขาฟังเราออกว่าเราพูดอะไรแต่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาสั่งการกันยังไงสุดท้ายเราแพ้ไป 1-3 โดยผมกับน้องแชมป์ที่เล่นกองหลังต่างก็มองหน้ากันไปมา ส่วนตั้มผู้รักษาประตูรูปหล่อก็ปล่อยบอลเข้าไปตุงตาข่าย 3 ครั้ง สำหรับกองหน้าจอมลีลาที่ล็อคบอลเก่งยิ่งกว่าตำรวจล็อคล้ออย่างโต้งก็ทำให้ผมทึ่งในฝีเท้าและลีลาบอลชายเดี่ยว 

           เราพักค้างคืนที่โรงเรียน 1 คืน ตอนเช้าอีกวันเราเร่งออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่น้ำตก ทีลอซูซึ่งกว่าจะเคลียร์ของ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ร่ำลากับคุณครูและเด็ก ๆ บางคนที่มาส่ง และเดินทางไปทำบุญไหว้พระที่วัดใกล้ ๆ เราก็เดินทางไปถึงน้ำตกก็เกือบ  5 โมงเย็นแล้ว  การไปเที่ยวน้ำตกถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีที่ผมยังนึกถึงอยู่เสมอ น้ำของน้ำตกเย็นจนรู้สึกหนาวแต่บรรยากาศรอบข้างและงานที่เราทำสำเร็จก็ทำให้ความรู้สึกสดชื่นโดยไม่สนใจอากาศรอบข้างที่เย็นขึ้นทุกที ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมเล่นน้ำตกและต่อเนื่องไปอีกหลาย ๆ ค่ายจนครั้งสุดท้ายที่เล่นน้ำในแม่น้ำน่านและยุติการเดินทางกับทีมงาน 10 ปีผ่านไปที่ต้องกลับมาทบทวนเพราะกังวลว่าเราไปก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของชาวเขาและเด็กน้อยบนดอยเหล่านั้นหรือเปล่า แต่รอยยิ้มของเด็ก ๆในวันนั้นและเจตนารมณ์ที่จะเดินตามรอยเท้าพ่อที่จะทำความดีทำให้หัวใจยังยิ้มชื่นอยู่เสมอ



12 มกราคม 2564 

ต้นจำปูนหลังบ้าน