วันหนึ่งในปลายปี 2527 ขณะที่กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1 ที่โรงเรียนมัธยมต่างอำเภอ
แม่เดินเข้ามาหาผมและก็ยื่นเงินให้ 500 บาทพลางบอกว่า “หน่องเอาเงิน
500 บาทนี่ไปฝากธนาคารออมสินนะ เก็บเอาไว้สำหรับเรียนมหาวิทยาลัย”
ตอนนั้นผมได้แต่สงสัยว่าแม่คิดอะไรเพราะด้วยวัยเด็กผมไม่เคยคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า
รู้จักแต่การเล่นสนุกและเรียนหนังสือให้ผ่านไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้นเอง แต่ผมก็รับเงินมาและก็นำเงินไปเปิดบัญชีฝากไว้กับธนาคารออมสินในวันเสาร์ถัดมา
หลังจากนั้นในแต่ละเดือนแม่ก็เก็บเงิน
500 บาทไว้ให้แล้วก็บอกให้ผมนำไปฝากไว้ที่ธนาคารออมสิน
ในช่วงแรก ๆ ผมไม่รู้ว่าแม่เอาเงิน 500
บาทมาจากไหนจนเริ่มสังเกตได้ว่าหลังจากที่พ่อสอยมาพร้าวที่สวนและนำไปขายได้
แม่ก็จะนำเงินจากการขายมะพร้าวมาให้ผมนำไปฝากที่ธนาคารในทุกวันเสาร์หลังจากได้รับเงินจากแม่ ในเวลานั้นทุกครั้งที่ผมฝากเงินทางธนาคารออมสินจะมีของที่ระลึกมาให้ตลอดเพื่อเป็นแรงจูงใจรวมทั้งปลูกฝังให้เด็กไทยรักการออมเงิน
แต่น่าเสียดายด้วยความเป็นเด็กผมไม่เคยคิดถึงความสำคัญของของที่ระลึกเหล่านั้น
และเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นได้สูญหายไปทั้งหมด ตลอดระยะเวลาที่แม่ให้เงินผมเพื่อนำไปฝากนั้น
ผมเป็นคนถือสมุดบัญชีออมทรัพย์ไว้ตลอดโดยที่แม่ไม่เคยขอดูแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะถอนเงินในบัญชีไปใช้ซื้ออะไรแม้แต่ครั้งเดียว
เงินออมเพิ่มมากขึ้นจากเงินร้อยไปเป็นเงินพัน จากเงินพันไปเป็นเงินหมื่นและยอดเงินสุดท้ายที่สะสมได้จนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคือสองหมื่นกว่าบาท
ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยผมพยายามใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดเพราะรู้ดีว่า
4 ปีในมหาวิทยาลัยต้องใช้เงินค่อนข้างมากแต่ก็สามารถใช้เงินก้อนนั้นจนกระทั่งถึงปี
3 โดยเงินอีกส่วนหนึ่งจากการใช้เวลาไปรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินในช่วงที่ปิดเทอมใหญ่หน้าร้อน
แต่หากเป็นการปิดเทอมในช่วงเดือนตุลาคมผมจะใช้เวลาเหล่านั้นไปออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทกับทางมหาวิทยาลัยแทน
สำหรับค่าใช้จ่ายในชั้นปีที่ 4 ที่เหลือผมได้รบกวนคุณแม่ที่ตอนนั้นเป็นแม่ค้าขายส่งมะม่วงและพอจะมีเงินทองมาจุนเจือครอบครัวได้มากขึ้นแล้วและสามารถเรียนจบและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมาจนได้
ช่วงเวลา 10
ปีที่ผ่านไปตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเงิน 500 บาทไปจนถึงวันจบปริญญาตรีในปี
2537 หากมองย้อนกลับไปมันเป็นช่วงชีวิตที่มีค่าและมีความสุขมาก
ความกังวลในการเล่าเรียนไม่เคยเกิดขึ้นเพราะคุณแม่ตั้งใจทำงานสุจริตทุกอย่างเพื่อหาเงินมาให้จุนเจือครอบครัว
สิ่งสำคัญคือความตั้งใจจริงในการทำงานหาเลี้ยงชีพโดยไม่เกี่ยงงานและหวังเพียงเงินที่นำมาใช้จ่ายในครอบครัวและเลี้ยงลูกทุกคนให้เป็นคนดีมีการศึกษาเท่านั้นเอง
6 พฤษภาคม 2563
ต้นจำปูนหลังบ้าน