วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

วันที่พ่อไม่สบาย

          “พ่อมึงป่วย แต่ก็ยังจะทำอะไรอยู่เรื่อยไม่ยอมพัก ตอนป่วยน่ะขยันจริง ๆ แต่พอไม่ป่วยล่ะไม่ค่อยทำอะไร ตาเป๋าเขาเป็นคนประเภทไหนกัน”  เสียงแม่ฟ้องเรื่องพ่อป่วยกับผมเมื่อผมเดินเข้าไปหาที่หลังบ้านขณะที่แม่กำลังจัดเตรียมของสำหรับขายในเช้าวันอาทิตย์ ผมเห็นพ่อเดินหลังไว ๆ อยู่ในสวนถัดจากแม่ไปไม่ไกลนัก ผมนั่งพักข้างๆ แม่และมองตามพ่อไป แม่บ่นเรื่องที่พ่อป่วยต่อไปอีกในขณะที่มือก็หยิบหน่อไม้ที่ต้มเสร็จแล้วเอามาปอกในกะละมังน้ำเย็นต่อเนื่องกันไป ผมฟังแม่บ่นแต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะพอแม่บ่นจนเหนื่อยก็คงจะหยุดไปเอง แต่ก็ไม่ลืมตอบรับเป็นลูกคู่อยู่เป็นระยะพอไม่ให้แม่รู้สึกว่าพูดอยู่คนเดียว

          “คุณเทียน ขาเป็นอะไรทำไมเดินดูขัดๆ เจ็บจากการเล่นฟุตบอลหรือเปล่า”  ภรรยาคนสวยของผมร้องทักด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้านหลังจากขับรถกลับมาจากเล่นฟุตบอลกับน้อง ๆ ในบ่ายวันอาทิตย์ที่อ้อมน้อย “ไม่เป็นอะไรซะหน่อย พอดีเดินสะดุดหญ้าที่หน้าบ้านขาเลยพลิกน่ะ” ผมตอบกลับไปโดยอัตโนมัติเพราะรู้สึกเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้ และรีบเดินเข้าไปนั่งพักที่โซฟาสีแดงตัวโปรด เปิด  TV  ดูรายการที่น่าสนใจต่างๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

          ตอนเย็นผมเดินออกไปหยิบรองเท้าใส่วิ่งเพื่อออกกำลังกายโดยตั้งใจจะเพิ่มความฟิตให้ตัวเองจะได้มีแรงไปเตะบอลมากขึ้น แต่ก็เสียวแปล๊บ ๆ ตรงข้อเท้าขวา พอสังเกตดูชัดๆ จึงเห็นว่าข้อเท้าบวมขึ้นมาก  “แล้วเราจะออกไปวิ่งไหวหรือ เจ็บข้อเท้าขนาดนี้”  ผมถามตัวเองด้วยความรู้สึกกังวล ความรู้สึกอยากจะออกกำลังกายในวันนี้มีมากอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน  อยากออกไปฟิตเนส ทันใดนั้นผมก็เข้าใจเรื่องที่ผ่านเข้ามาของพ่อในทันที   “พ่อมึงป่วย แต่ก็ยังจะทำอะไรอยู่เรื่อยไม่ยอมพัก ตอนป่วยน่ะขยันจริง ๆ แต่พอไม่ป่วยล่ะ ไม่ค่อยทำอะไร…” เสียงของแม่แว่วเข้ามาในความคิดของผม  เป็นเสียงที่ทำให้สมองของผมสว่างวาบขึ้นมาและเข้าใจพ่อเดี๋ยวนี้เอง พ่อไม่ได้ขยันในเวลาป่วยอะไรเลย พ่อแค่อยากจะพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่า พ่อยังมีความสามารถที่จะทำอะไร ๆ ได้อีกมากโดยเฉพาะเวลาป่วยที่ยิ่งต้องพยายามมากขึ้น เพราะสิ่งที่แย่ที่คนเราทนไม่ได้อย่างหนึ่งก็คือการไม่มีคุณค่าอะไรเลยในสายตาคนอื่นๆ ผมนึกไปถึงการแข่งขันฟุตบอลทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนล้าและช้าลงไปมากแต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนในทีมรู้ว่าผมเป็นตัวถ่วงของทีม อยากจะทำอะไรเพื่อทีม อยากจะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ยิ่งมาปวดข้อเท้าเพราะเล่นฟุตบอลเลยยิ่งจะพยายามจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเป็นสองเท่า ทั้ง ๆ ที่สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องทำก็คือการดูแลรักษาร่างกายให้พร้อมสมบูรณ์เสียก่อน ก่อนที่จะคิดทำอะไร ๆ เกินกำลังตัวเองในขณะที่ปวดข้อเท้าอยู่อย่างนี้

          หลังจากนำรองเท้าวิ่งไปเก็บความรู้สึกย่ำแย่ยังเกิดขึ้นอยู่ในความคิด ผมรู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากการแข่งขันฟุตบอลเมื่อตอนบ่าย   ผลการแข่งขันที่พ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่ สิ่งที่ทำให้รู้สึกย่ำแย่ก็คือการที่ผมอยู่ตรงนั้นแล้วทำอะไรไม่ได้เลยจนทีมพ่ายแพ้ต่างหาก คงอีกซักพักรอให้ผมหายดีก่อนแล้วจึงจะกลับมาฟิตร่างกายใหม่อีกครั้งโดยไม่ผัดวันประกันพรุ่งอีก 

14 มีนาคม  2562
ต้นจำปูนหลังบ้าน