วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สิทธิกร บุญฉิม


             ผมเห็นข่าวเสี่ยอู๊ดเสียชีวิตตามหน้า Web Page ต่างๆ  ใน Internet  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 30/10/2558) ทำให้นึกย้อนไปถึงปลายปี  2546  ในงานกฐินที่วัดยายร้า (วัดสุวรรณรังสรรค์) อ. บ้านฉาง จ. ระยอง ปีนั้นคุณแม่บอกผมตั้งแต่วันตักบาตรเทโวว่า อยากไปดูลิเกไชยา มิตรชัย เพราะมีกฐินกองใหญ่จาก กทม.มาลงที่วัด มีดารานักร้องมากมาย ผมก็เออออห่อหมกไปกับแม่และรับปากว่าจะพาแม่ไปดูลิเก

                       เมื่อวันงานกฐินมาถึง ผมขับรถไปส่งแม่ที่วัดยายร้าในตอนหัวค่ำ  รถยนต์ที่ไปงานกฐินแน่นมาก ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นงานกฐินที่วัดไหนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน มีดารานักร้องมากันมากหน้าหลายตา ทั้งลิเก ไชยาที่กำลังโด่งดัง จินตหรา พูลลาภ ที่ยกวงมาแสดงแบบเต็มวง   ผมเดินเตร็ดเตร่ในงานเพื่อรอแม่ และเริ่มสนใจเป็นครั้งแรกว่าเสี่ยอู๊ดหรือชื่อจริง นายสิทธิกร บุญฉิม คือใคร แล้วเป็นคนที่ไหน ทำไมถึงได้ทำบุญทอดกฐินได้ยิ่งใหญ่อย่างนี้ 
              เช้าวันรุ่งขึ้นผมกลับไปที่วัดยายร้าอีกครั้ง  รถบัสขนาดใหญ่ จำนวนร้อยกว่าคันที่รับพระสงฆ์จากวัดสุทัศน์มาในงาน   มีการนำหุ่นละครเล็ก โจหลุยส์มาแสดง ดาราหลาย ๆ คนมาร่วมงาน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของคนจัดเป็นอย่างดี จนผมอดไม่ได้ที่จะสืบค้นว่าสิทธิกร บุญฉิมหรือเสี่ยอู๊ดนั้นเป็นใคร และนับจากวันนั้นเสี่ยอู๊ด ก็เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านดี และด้านร้าย และเรื่องที่ฮืฮามากที่สุดก็คงไม่พ้นข่าวไปเที่ยวกับนักร้องหนุ่มที่ฮ่องกง และเป็นข่าวเกรียวกราวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน
             เสี่ยอู๊ดนั้นเป็นเด็กบ้านฉางโดยกำเนิดและเกิดปีเดียวกับผม (2514)  ความวิริยะอุสาหะส่งให้เสี่ยอู๊ดไปได้ไกลจนเกินกว่าจะคิดฝัน จากเด็กบ้านนอกยากจน กลายมาเป็นผู้กว้างขวางในการวงการพระเครื่องและผู้หาทุนรายใหญ่ของวัดและองค์กรการกุศลต่าง ๆ ของประเทศไทย ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรมาบ้าง แต่หากมองด้วยข้อเท็จจริง คนคนหนึ่งจะทำอะไร ๆ  ได้มากมายโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างเลยหรือ ในความเป็นจริงของชีวิตทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องตายในวันหนึ่งข้างหน้า แต่การที่เสี่ยอู๊ดจากไปในนี้มันยังเร็วเกินไปและการจากไปด้วยข่าวการฆ่าตัวตายของตัวเองทำให้ผมยิ่งเสียดาย เสียดายความสามารถที่จะช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่เสียดายมากที่สุดไม่ใช่เงินทองที่เสี่ยอู๊ดหามาได้ แต่เสียดายโอกาสที่ได้เกิดมาพบเจอพระพุทธศาสนาแล้วไม่ขวนขวายปฏิบัติธรรมให้ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก มัวแต่ไปวิ่งไล่ตามความอยากของตัวเอง สร้างภาพนักบุญโดยถูกหลอกใช้จากคนรอบข้าง กว่าจะเกิดก่อตัวในท้องแม่ ออกมาเดินตั้งไข่ เรียนรู้วิชาทำกิน เรียนรู้ชีวิต คบเพื่อน ตรากตรำฝ่าฟันจนเป็นที่รู้จักสุดท้ายก็ต้องเดินทางต่อไป ที่ทางที่จะไปก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เสียเวลาไปเปล่า ๆ  1  ชาติ ข่าวการเสียชีวิตของเสี่ยอู๊ดว่าเป็นสิ่งเตือนใจให้ผมเองว่าสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดตัวไปเลยซักอย่างเดียว นอกจากบาปและบุญ

3  พฤศจิกายน  2558
ต้นจำปูนหลังบ้าน