วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บางความรู้สึกกับคนสร้างฝัน


พี่หน่อง ๆ พี่หน่องรีบไปจองที่นั่งกินข้าวนะ  เดี๋ยวเราจะไม่มีกับข้าวกินเหมือนเมื่อคืน เสียงน้องคนหนึ่งดังขึ้นในตอนเช้าขณะกำลังเก็บของขึ้นรถตู้ เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากโรงเรียน ผมหันมามองน้องอย่างเต็มตา และก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาว่า น้องเรามาออกค่ายสร้างศาลาให้วัด  สร้างบุญใหญ่กันแล้ว แล้ว แค่เรื่องข้าว เรื่องกับข้าวแค่นี้เอง เราอย่าไปสนใจเลย  ถ้าเรื่องแค่นี้เรายังไม่ก้าวข้าม แล้วเราจะไปทำงานจิตอาสาใหญ่ ๆ ได้อย่างไร น้องนิ่งเงียบไป จากนั้นก็ยิ้มรับและเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ผมหัวเราะเบา ๆ แบบขำๆ เพราะหน้าตาผมดูน่ากลัวอยู่แล้ว เดี๋ยวจะไปทำให้น้องเสียใจและพากันเดินออกไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารเช้าด้วยกัน
ความจริงสิ่งที่น้องพูดขึ้นมันก็เป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่เหมือนกัน คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวนับตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมครั้งนี้ ความรู้สึกเดิม ๆ จางหายไป คนเก่า ๆ ที่คุ้นเคยก็มีภาระหน้าที่มากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถปลีกตัวมาร่วมค่ายได้  “… คุณเทียนจะออกค่ายไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ถึงจะหยุดออกค่าย…”  เสียงเดิมๆ ของภรรยาก้องอยู่ในหู แต่คราวนี้มันดังเสียจนนึกเสียใจที่ทิ้งให้เค้านอนอยู่บ้านคนเดียว ส่วนครอบครัวอื่น ๆ พากันออกไปท่องเที่ยวฉลอง High Season ของเมืองไทยที่มาพร้อมกับลมหนาวแรกของปี นั่นสิ แล้วเราจะออกค่ายไปถึงเมื่อไหร่กันนะ
ผมตื่นนอนแต่เช้าตรู่ท่ามกลางขุนเขาในรีสอร์ทที่ฝังตัวอยู่กลางหุบเขา มันไกลจากที่ที่ผมคุ้นเคยจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเราไม่ได้มาออกค่ายเราจะกล้าขับรถพาคนที่เรารักมาเที่ยวถึงที่นี่ไหมหนอ เสียงสายน้ำจากลำน้ำมองฟังดูคล้าย ๆ เสียงน้ำตกเบื้องหน้าดึงให้ผมเดินเข้าไปสัมผัสบรรยากาศ  มีน้องบางคนลงไปถ่ายเซลฟี่ที่หินกลางน้ำ ผมมองดูสายน้ำไหลเบื้องหน้า น้ำก็ไหลไปเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ไม่เคยหยุดพัก เจอเกาะแก่งที่ไหนก็หาทางไปจนได้ สายน้ำนี้คงเดินทางมาไกล และไม่รู้จะไปสิ้นสุดที่ไหน หากเป็นไปได้ผมก็อยากเอาความทรงจำดี ๆ ที่เคยได้รับมาจากการออกค่ายฝากไปกับสายน้ำให้ไหลพาไปให้ไกลแสนไกล เพื่อสิ่งดี ๆ จะได้คงอยู่อย่างนั้นโดยไม่ถูกทำลายไปเพราะบางสิ่งบางอย่างมันไม่ย้อนกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว   

 27 ตุลาคม 2558
ต้นจำปูนหลังบ้าน