วันที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพาเมื่อปี 2537 ผมและเพื่อนๆ บุญน้อย
ไม่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเมตตาพระราชทานปริญญาบัตรให้ในคราวที่เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรที่บางแสนในต้นปี 2538 ทุกวันนี้เวลากลับไปมองรูปตัวเองแล้วเหมือนกับเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ตัวเลข
21 ปีที่ผ่านไปมันก็บอกเราเสมอ ๆ
ว่า วันเวลาของเด็กหนุ่ม เด็กสาวผ่านพ้นไปแล้ว
สมัยที่พวกเราเข้าเรียนจะอายุ 19 ปี (เกิด 2514) เป็นส่วนมาก ดังนั้นจนถึงวันนี้จะอายุครบ 44
ปีกันทั้งหมดแล้ว
แต่เท่าที่จำได้ เพื่อน ๆ จาก กทม. จะอายุน้อยกว่าเกือบทุกคน (เกิด 2515,2516)
สิ่งที่ผ่านไปบางทีเหมือนกับความฝัน จำได้บ้าง หลงลืมบ้างสลับๆ กันไป
ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมากกว่า
20
ปีนั้น สิ่งที่ผมนำมาใช้กลับเป็นสิ่งที่ผมได้รับด้วยความบังเอิญ
หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความกรุณาของอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งอยู่ที่หอชาย 5
และยังจำได้ไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งสมัยอยู่ชั้นปี
หนึ่งที่ ม. บูรพา ผมซึ่งพักอาศัยอยู่ที่หอชาย 10 (ปัจจุบันถูกรื้อไปทำ
Art Museum) ได้เดินไปหาแฝดรหัสที่ชื่อยุ้ย (รหัส 21) เมื่อไปถึงหอชาย 5 ผมสังเกตเห็น
อาจารย์ท่านหนึ่งบุคลิกจริงจัง เสียงดัง
แต่งตัวดีกำลังพูดจาปราศรัยกับเด็กที่อยู่ในหอ 5 ซึ่งนิสิตในกลุ่มนั้นจะมียุ้ย
พล เพื่อนร่วมคณะที่ผมจะไปหาอยู่ด้วย ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับอาจารย์ท่านนั้นนัก จึงเดินเข้าไปทักทายยุ้ย พล
และพอเห็นว่ายุ้ยน่าจะคุยกับอาจารย์ท่านนั้นอีกนาน
ก็เลยขอตัวไปซื้อกับข้าวที่โรงอาหาร และไม่ได้คุยธุระอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเจอหน้ายุ้ย สิ่งแรกที่ยุ้ยบอกกับผมก็คือ “ไอ้เทียน เมื่อวานมึงไม่ได้ไหว้ อาจารย์สายัณห์ มึงรู้ไหม
อาจารย์ฝากมาบอกมึงว่า บุคลิกมึงให้โทษ”
ผมฟังยุ้ยพูดจบก็ยังรู้สึกมึนงง เอ บุคลิกผมให้โทษอย่างไร
ผมไม่เข้าใจ เพราะลองสำรวจตัวเองแล้วก็มั่นใจระดับหนึ่งว่าเราเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตน
มีสัมมาคารวะ แล้วเราไม่รู้จักกับอาจารย์มาก่อน เราก็เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร “มึงไม่ต้องคิดมาก คราวหน้าเจออาจารย์สายัณห์ มึงสวัสดีอาจารย์ ไหว้ อาจารย์ไปเลย
คนอื่น ๆ ก็โดนบุคลิกให้โทษเหมือนมึงกันมาแล้วทั้งนั้น กูก็ยังเคยโดนเลย" ยุ้ยทิ้งคำพูดให้ผมคิดและเดินจากไป อีกหลายวันต่อมา ผมมีโอกาสไปที่หอชาย 5 และก็บังเอิญเหลือเกินที่ผมได้พบ
อาจารย์ สายัณห์พอดี คราวนี้สิ่งที่ผมทำก็คือ เดินเข้าไปไหว้ อาจารย์สายัณห์
พร้อมทั้งกล่าวว่า ”สวัสดีครับอาจารย์” อาจารย์สายัณห์ยิ้มให้
พร้อมทั้งเอามือมาลูบหลัง กล่าวว่า “ดี ๆ เป็นเด็ก
ต้องรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักไหว้ บุคลิกจะได้ดีน่ารัก ไม่ใช่บุคลิกให้โทษ”
ผมเข้าใจสิ่งที่อาจารย์สายัณห์บอกเมื่อได้เข้ามาทำงานแล้ว
เพราะการเป็นน้องใหม่ในที่ทำงาน ซึ่งอายุน้อยกว่าทุกคน ทำให้ต้องไหว้ กล่าวสวัสดีกับทุกคนที่ได้รู้จักโดยไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
เพราะได้รับการแนะนำตั้งแต่เรียนมาแล้ว
สิ่งเหล่านี้เองที่ผมมานึกย้อนหลังไปยังสมัยเรียนครั้งใด ก็ให้นึกขอบคุณอาจารย์สายัณห์ที่ได้ให้คำแนะนำดี
ๆ ในวันนั้น เพราะถึงวันนี้การได้รู้จักกับคนในองค์กรที่ได้หยิบยื่นน้ำใจไมตรี
เพราะเราไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทุกคนให้ความเคารพจึงทำให้เป็นเหมือนใบเบิกทางให้ทำงานราบรื่น
มีความรู้สึกกับเพื่อร่วมงานเหมือนญาติพี่น้องกันตลอด 21
ปีที่ผ่านมา
12 มิถุนายน 2558
ต้นจำปูนหลังบ้าน