ผมรีบพาแม่ไปที่คลินิกหมอตาท่านหนึ่งในตัวเมืองระยองตั้งแต่เช้า
จะบอกว่าตัวเมืองก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะผมต้องขับรถออกจากตัวเมืองมานิดนึง หากขับรถมาจากทางโรงพยาบาลระยองตัวคลินิกดังกล่าวตั้งอยู่ด้านซ้ายก่อนจะถึงสี่แยกเกาะกลอย เมื่อมาถึงคลินิกซึ่งลักษณะเหมือนคลินิกตามต่างจังหวัดทั่ว
ๆ ไปคือ มีเคาท์เตอร์รับลงทะเบียน
มีเก้าอี้ให้ผู้มารับบริการ
และด้านหลังจะเป็นห้องทำงานของคุณหมอ
ผมก็รีบพาคุณแม่ไปลงชื่อเข้าคิวรับบริการ
ด้วยความที่มาตั้งแต่เช้าเลยได้คิวลำดับต้น ๆ
สำหรับสาเหตุที่ผมพาแม่มาหาหมอ เพราะคุณแม่ไปโดนสารบางอย่างเข้าตาตั้งแต่วันวาน และได้มาคลินิกนี้แล้ว
แต่ด้วยเพราะปวดจนทนไม่ไหว และหมอนัดให้มาวันนี้ แม่เลยบอกให้ผมพาแม่มาแต่เช้าด้วยกลัวว่าจะเสียเวลาในการเข้าคิวรอ
เพราะวันหยุดแบบนี้คนคงแน่นคลินิกเหมือนที่เคยเห็นจนชินตาตามลีนิกต่างจังหวัด
หลังจากลงชื่อเข้าคิวแล้ว
ผมก็นั่งรอหมอกับแม่ เวลาผ่านไป ผ่านไป คนก็เริ่มทยอยเข้ามากันเรื่อย ๆ
จนแทบจะล้นออกไปนอกคลินิก คนไข้รายแล้วรายเล่าถูกเรียกเข้าไปรับบริการ แต่ก็ยังไม่ถึงคิวแม่ผมเสียที
หลังจากผ่านไป 2 ชม. ผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปถาม
จนท. ผู้หญิงประจำคลินิกว่าทำไมแม่ผมถึงไม่ได้รับบริการเสียที “ขอโทษนะคะ
ตอนนี้คนแน่นมากเลยค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“แต่ผมรอมา 2
ชม. แล้วนะ” น้ำเสียงปนกับสีหน้าเจ้าอารมณ์ที่ภรรยามักจะกล่าวเตือนอยู่เสมอว่าน่ากลัวของผม
แสดงออกไปให้ จนท.เห็นว่าเขาควรจะดูแลคิวให้เป็นไปตามลำดับ ไม่ใช่ถูกแซงคิวมาหลายคิวแล้ว
พูดจบผมก็เดินมาบอกแม่ว่ารออีกไม่นาน เดี๋ยวหมอก็คงเรียกเข้าไปตรวจ
แม่ผมเอามือกุมดวงตาที่เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร ทำได้เพียงตอบรับ
เพราะคงเห็นหน้าลูกชายที่ไม่น่ามองคงเข้าใจอารมณ์ผมเป็นอย่างดี
หลังจากผ่านไปอีก
1
ชม. แม่ผมก็ถูกเรียกเข้าไปตรวจโดยที่ผมไม่ได้เข้าไปด้วย
เพราะทาง จนท.ให้นั่งรอ จากนั้นไม่นานนัก
จนท. ก็เดินมาตามผม โดยบอกว่าคุณหมอต้องการพบ ผมแปลกใจผสมกับกังวลว่าอาการอักเสบที่ดวงตาของแม่จะแย่กว่าที่คิด
จนหมอต้องสอบถามหรือให้ข้อมูลผมเพิ่ม เมื่อพบหน้าคุณหมอ คุณหมอมีท่าทางโกรธและเริ่มกล่าวกับผมว่า
“นี่คุณ ทำไมคุณพาคุณแม่มาเวลานี้
ผมก็ให้เวลานัดไว้ชัดเจนตามใบนัดแล้วนี่ว่าเป็นเวลาบ่ายสาม นี่คุณมาเข้าคิวตั้งแต่เช้า
ยังไม่ถึงเวลานัดเลย คุณรู้ไหม อาการของแม่คุณน่ะ ต้องให้ยาจนครบ 24 ชม. แล้วถึงจะเปิดตาได้
ซึ่งหมอก็บอกแล้วว่าให้มาตรงเวลา ถ้าเกิดเปิดตามาตอนนี้ซึ่งยังไม่ครบ 24 ชม. มันจะส่งผลเสียต่อตาคนไข้ได้
ทำไมคุณไม่ดู” คุณหมอเงียบไปสักพักแล้วกล่าวต่อไปว่า
“คุณรู้ไหม ผมมีคนไข้จำนวนมากที่ต้องดูแล ผมอุตส่าห์จัดคิว
เพื่อจะได้ให้ทุกคนได้รับการรักษา แต่คุณก็ไม่เคยใส่ใจเลย จะให้ผมทำอย่างไร”
ผมนิ่งเงียบไปสักพัก
พลางกล่าวประโยคหนึ่งออกมา “คุณหมอครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่ทราบจริง ๆ เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูเวลานัดให้ดี
ผมขอโทษนะครับ” คุณหมอมีท่าทีผ่อนปรนพลางบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี่ยวผมจะปิดตาให้คนไข้ก่อน และรอมาดูอาการอีกครั้งหนึ่งวันพรุ่งนี้”
คุณหมอพูดจบผมก็เหมือนกับคนใจลอย
เดินออกมานอกห้องตรวจ อารมณ์หงุดหงิดที่รอนานหายไป
กลับกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่รอบคอบเข้ามาแทนที่ และนั่งรอแม่ด้านหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ผมขับรถพาแม่กลับบ้าน
โดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรกับแม่อีก ได้แต่อธิบายให้แม่ฟังถึงการรักษา
ในใจก็คิดไปถึงความทุ่มเทและเสียสละของคุณหมอ นานแล้วที่ผมไม่ได้เจอหมอที่เป็นหมอทั้งกายและใจแบบนี้ “ผมขอโทษในความเขลาของผมอีกครั้งนะครับคุณหมอ
ขอให้ประเทศไทยมีหมอแบบนี้มาก ๆ ด้วยเถิดนะ”
28 มกราคม 2558
ต้นจำปูนหลังบ้าน