วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

ที่ไหนซักแห่งอันแสนไกล

ขณะที่ผมกำลังดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้านประมาณ  5  ทุ่ม เสียงจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแจ้งว่ามีข้อความเข้ามาใหม่  ผมหยิบโทรศัพท์มาดูก็ได้รับข่าวจากยุ้ย เอกเคมีที่ส่งข้อความมาว่า “P’Tong die already 22.40” ผมขยับตัวลุกไปหาภรรยาที่นอนอยู่ในห้องนอนและกอดตัวเธอไว้แน่นพลางบอกว่า เพื่อนเค้าที่ไม่สบายมาช่วงต้นเดือนเมษายนเสียชีวิตแล้วนะเธอพยักหน้ารับรู้และกล่าวเบา ๆ ว่า เค้าเสียใจด้วยนะคุณเทียน เพื่อนคุณคงไปสบายแล้วล่ะ ผมพยักหน้ารับและไม่ได้กล่าวอะไรอีก แต่ในใจคิดถึงชีวิตสมัยเรียนบางแสน คิดถึงต้องผู้จากไป 

ภาพของต้องยังแจ่มชัดในความคิดของผมอยู่เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร สมัยเราอยู่ปี  1  ตอนมีกิจกรรมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่บางแสน ต้องจะเป็นคนคอยเตรียมแบบข้อสอบให้เด็ก ๆ ม.ปลายที่จะมาร่วมงานตอบปัญหา ผมเห็นเข้าก็อุทานออกมาว่า ต้อง เก่งจัง พิมพ์ข้อสอบได้ด้วยต้องตอบกลับมาทันทีทันใดว่า เทียน ผมน่ะพวกใช้แรงงาน โน่นคนเก่งน่ะเค้าทำข้อสอบและพิมพ์แบบมาให้ต้องตอบพลางพยักเพยิดหน้าไปทางเก่ง ที่ง่วนอยู่กับเครื่อง Computer Apple 

สมัยอยู่หอ 10  ด้วยกันที่บางแสน ต้องจะถูกเพื่อน ๆ ในหอเรียกว่า พี่ต้อง ผมเคยสงสัยมานานจนวันหนึ่ง ต้องมีโอกาสบอกผมว่า เทียน ผมซิ่วมาจากรามคำแหงน่ะ มาสอบ Entrance  เข้าที่บางแสนได้ น้องๆ เบญจมราชรังสฤษฎิ์ เลยเรียกผมว่าพี่ พวกพี่อ๋องน่ะ เพื่อนผมสมัยเรียนเบญจม ฯ ทั้งนั้นแหละผมพยักหน้ารับรู้และไม่ได้ถามอะไรอีก ต้องเป็นคนเงียบ ๆ อาศัยอยู่หอ 10  โดยห้องต้องจะติดกันกับห้องผมและมีตู้เสื้อผ้าคั่นกลาง ผมกับสมโภชน์จะมีโอกาสต้อนรับต้องเสมอในขณะกินอาหารเย็นแต่ละวัน ต้องจะเข้ามานั่งดูผมกับสมโภชน์กินข้าวกัน และนั่งเมาท์เพื่อน ๆ ร่วมรุ่น  โดยมีกอล์ฟเป็นแขกขาประจำวงกินข้าว แต่ตัวต้องเองจะไม่เคยร่วมวงทานข้าวกับผมเลย ครั้งเดียวที่เห็นต้องมาร่วมกินข้าวด้วยกันคือช่วงที่เราไปจับปูลมจากหาดบางแสนและช่วยกันทอดกินในห้อง ครั้งนั้นแหละที่ผมเห็นต้องมาร่วมวงกินปูลมชุบแป้งทอดโกกิอย่างสนุกสนาน สำหรับมื้อเย็นของต้องนั้น ต้องจะซื้อข้าวกล่องจากร้านประจำมานั่งกินเงียบ ๆ คนเดียวที่ห้องดู TV  ของหอ จากนั้นก็เดินเอาช้อนไปล้างที่ก๊อกน้ำหัวมุมหน้าหอ 10 และเดินหลบหายไปในห้องพักหลังจากเสร็จทุกอย่างแล้ว ด้วยความที่ต้องเป็นคนเงียบ ๆ ทำให้ผมเกรง ๆ ที่จะคุยกับต้องเหมือนกันและพอเอกรัตน์,สุกิจให้ความเคารพต้องที่เป็นรุ่นพี่ เลยทำให้ผมเกรงใจต้องไปใหญ่

ในงานแต่งงานผมเมื่อเดือน กรกฎาคม  2554  ต้องปรากฏตัวในงานแต่งงานของผมอย่างเซอร์ไพร์ซ์ ผมยินดีอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นต้องอยู่ในงาน ทั้งอ้อม หน่องชาย เหน่ง สุกิจ หมู เก่ง เพื่อน ๆ  ที่มาร่วมงานทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีเพื่อนดี ๆ ที่พร้อมจะร่วมยินดีในวันพิเศษเสมอ ๆ  ผมสอบถามถึงความเป็นไปในชีวิตของต้อง ต้องพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ว่าจะแต่งงานกับก้อยในปีถัดไปช่วงปลายปี ผมยิ้มและให้สัญญากับต้องว่า ผมจะไปร่วมงานแต่งงานของต้องอย่างแน่นอน ขอให้ต้องบอกผมเท่านั้นเอง

บางทีชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ    สิ่งทั้งหลายล้วนตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน ต้นเดือนเมษายน 2556 ผมก็ได้รับข่าวจากยุ้ยที่โพสต์ในหน้าเฟซบุ๊คถึงอาการป่วยของต้อง ผมติดตามข่าวของต้องจากเพื่อนที่ผลัดกันเข้ามาอัพเดทข่าวอาการป่วยของต้อง ให้กำลังใจทั้งต้องและก้อยด้วยความห่วงใย ผมสอบถามข่าวจากยุ้ยเป็นระยะ ๆ จนถึงวันที่ต้องจากไปคืนที่  25  เมษายน    สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือขออโหสิกรรมกับเพื่อนต้อง และขอให้ผลบุญที่ต้องได้ทำมาตลอดส่งต้องให้ไปเกิดในที่ที่ดี ๆ มีความสุข มีความสงบในดินแดนสุขาวดีตลอดไป

 

30  เมษายน 2556

ต้นจำปูนหลังบ้าน