ผมแวะซื้อกระดาษฟูลแก๊บที่ร้านไทยผมในตลาดบ้านฉาง มา 5 แผ่นเพื่อเอามาเขียนเรียงความเกี่ยวกับวันแม่
เพื่อนำไปส่งให้ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นผมค่อนข้างใช้สมาธิเป็นอย่างมากกับการเขียนเรียงความ
ปีนั้นเป็นปีแรกที่ผมย้ายโรงเรียนไปเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา
ปีแรกในโรงเรียน อะไร ๆ ดูจะยากลำบาก ทั้งการปรับตัว วัยที่โตขึ้น
เพื่อนฝูงรอบข้างที่เปลี่ยนไป แต่จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ เช้าวันต่อมา
ผมก็นำเรียงความไปส่งให้อาจารย์สาลี่ ที่ภาควิชาภาษาไทย โดยเขียนหัวเรื่องเรียงความด้วยลายมืออย่างตั้งใจว่า
“แม่ของฉัน”
ผ่านไปอีกหลายวันจนถึงวันศุกร์ก่อนวันแม่
ขณะยืนเคารพธงชาติเรียบร้อยแล้ว อ.สาลี่ก็เดินขึ้นมาบนแสตนด์หน้าเสาธง พร้อมทั้งกล่าวถึงความสำคัญของวันแม่
พูดในเรื่องต่างๆ ตัวผมเองก็พยายามตั้งใจฟัง
เพราะตอนนั้นเริ่มรู้แล้วว่าจะมีการประกาศให้รางวัลเรียงความเกี่ยวกับวันแม่ที่ได้ส่งไปประกวด “รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง
ด.ช. มณเฑียร เนินอุไร ชั้น ม.1/1 ” เสียงประกาศดังมาจากลำโพงด้วยน้ำเสียงแข็งแกร่งแต่อ่อนโยนอยู่ในทีของอาจารย์
ผมไม่ได้ฝันไปแน่ ๆ นั่นมันชื่อผมนี่ ผมเดินออกไปรับรางวัลจากมือผู้มอบ
ระหว่างเดินก็ขาสั่นๆ ตาพร่ามัว เพื่อน ๆ ปรบมือให้กำลังใจ วันนั้นผมจำอะไรไม่ได้มากนัก
รู้แต่ว่าได้รับรางวัลเป็นซองสีขาว ซึ่งในซองบรรจุเงินรางวัลอยู่จำนวนหนึ่ง จากนั้นผมก็ตั้งใจฟังต่อว่าใครกันนะที่จะได้รางวัลที่ 1 อ.
สาลี่ประกาศผู้ได้รางวัลที่ 2 จากนั้นจึงถึงรางวัลที่ 1 “ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ
ด.ญ. พัชรี ตราชู ชั้น ม.3/1” ผมปรบมือแสดงความยินดีไปด้วยอย่างจริงใจ พร้อมทั้งคิดในใจว่า
ปีหน้าเราต้องพยายามเอารางวัลที่ 1
ให้ได้ แต่พอเวลาผ่านไป ผ่านไป โลกกว้างตรงหน้าของวัยเด็กก็เริ่มใหญ่ขึ้น
สิ่งสนุกสนานตรงหน้าถาโถมมาอย่างไม่ทันตั้งตัวความตั้งใจเดิมเลือนหายไปสิ้น วันเวลามันผ่านไปนานจนผมแทบจะลืมไปแล้ว จนวันนี้ผมมองย้อนกลับไปเมื่อ
28 ปีก่อน
ก็ได้แต่อมยิ้มกับความไร้เดียงสาของตนเอง นึกถึงอารมณ์เด็ก ๆ
ที่อยากได้เงินไปใช้จ่าย จนตัดสินใจเขียนเรียงความ วันนี้ถ้าผมจะเขียนเรียงความเรื่องวันแม่อีกครั้งก็จะมาจากความรัก
ความรู้สึกขอบคุณคุณแม่ ความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับตลอดมา
ไม่ได้เขียนเพียงเพื่อหวังว่าจะได้เงินรางวัลเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสาอีกต่อไปแล้ว
วันแม่ 2555
ต้นจำปูนหลังบ้าน