วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หนังกลางแปลง


                       คืนวันในบางแสนผ่านไปอย่างช้า ๆ   ช่วงเวลาที่นานที่สุดน่าจะเป็นช่วงการรับน้องโดยรุ่นพี่  Valentine Science  ผมไม่ค่อยชอบการรับน้องเท่าไรนักเพราะรู้สึกเหมือนถูกแกล้งจากพวกรุ่นพี่ แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดถ้ามองถึงข้อดีของการรับน้องมันก็มี เพราะอย่างน้อยการรับน้องทำให้พวกเรา Quarter Science รู้จักกันมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น  ปีที่พวกเรา เข้าเรียนที่บางแสนนั้นตรงกับเทศกาลฟุตบอลโลกที่อิตาลี่ ดังนั้น นอกจากกิจกกรมรับน้องแล้ว ผมต้องตามเชียร์เยอรมันตะวันตก ให้ไปถึงแชมป์โลกให้ได้ ถ้าสรุปกิจกรรมประจำวันของเราก็จะเริ่มจาก เช้าตื่นออกไปวิ่งหอ ต่อด้วยเรียนเช้าบ่าย เย็นรับน้องโดยรุ่นพี่ กลางคืนดูฟุตบอลโลก  เป็นอย่างนี้ตลอดเดือนมิถุนายน  อาศัยว่ายังหนุ่มอยู่เลยผ่านไปได้ด้วยดี
พอเราเริ่มรู้จักกันและผ่านช่วงรับน้องไปแล้ว พวกเราก็เริ่มจับกลุ่มสำรวจมหาวิทยาลัยกัน(ความจริงมองหาสาว ๆ นั่นแหละ) เริ่มจากหาจักรยานมาปั่นกันภายในมหาวิทยาลัย สถานที่ประจำที่หนึ่งที่ทุกคนไม่ลืมแน่ ๆ คือ บริเวณด้านประตูใกล้ ๆ โรงอาหาร ที่พออกมาหน่อยจะเป็นทุ่งคล้าย ๆ ทุ่งนา มีต้นดอกธูปฤาษี ขึ้นเต็มไปหมด เวลากลางวันบรรยากาศที่เห็นก็เหมือนชนบททั่วไป แต่เวลากลางคืน ถ้าขี่จักรยานผ่านผ่านจะมีฝูงหิ่งห้อย บินมาเกาะตามต้นก้านธูปฤาษี ส่งแสงประกายระยิบระยับ เวลานั้นพวกเราไม่ได้นึกถึงมันเท่าไรนัก เพราะหลาย ๆ คนคุ้นเคยกับการเห็นหิ่งห้อยตามบ้านของตนเอง ผมก็หนึ่งในนั้น ซึ่งบริเวณนั้น มักจะมีหนังกลางแปลงมาปิดวิก ฉายเก็บเงินบ่อย ๆ  ซึ่งลูกค้าก็คือ พวก ๆ เราทั้งหลายในมหาวิทยาลัยนั่นแหละ
มณเฑียร วันนี้ไปดูหนังกันนะ เค้าว่ามีหนังดี ๆ มาฉายที่ข้างมหาลัย  สมโภชน์ส่งเสียงดังมาตามปกติ ผมแทบจะอดหัวเราะขำไม่ได้ ทำไมสมโภชน์พูดซะดังเลย ผมพยายามเงียบ ๆ อยู่นะเนี่ย เออ สมโภชน์ คุณมึงจะส่งเสียงดังไปทำไม เดี๋ยวคนอื่น ๆ รู้หมด ผมน่ะไปอยู่แล้ว ผม ตอบกลับไป ที่กำชับไปเนี่ยไม่ใช่อะไร มันมีหนังดี ๆ สำหรับผู้ชายมาฉายโดยเฉพาะ พอถึงเวลาจะออกจากหอ มีเสียงหนึ่งตามหลังมา เฮ้ย สมโภชน์ เทียน ผมไปด้วย ต้อง เด็กแปดริ้วผู้เงียบ ๆ ร้องตามออกมา อ้อ ไอ้เราก็คิดว่าต้อง ไม่สนใจที่แท้รอจังหวะเสียบนี่เอง เรา 3  คนไปถึงวิกหนังกลางแปลงประมาณ 2  ทุ่ม และก็ตามคาด ผมเจอเด็กมหาวิทยาลัยหลายคน หนึ่งในนั้นก็ยุ้ยแฝดรหัสผู้น่ารักของผม มันมากับกลุ่มหอชาย 5 ผมเหลือบไปเห็นธีรพล ตามันมีประกายความหวัง ธีรพลมันฝาแฝดยุ้ย มีธีรพลที่ไหนต้องมียุ้ยที่นั่น แต่ เอ มันรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มีหนังดีมาฉาย  เมื่อผมกับเพื่อน ๆ  จ่ายเงินค่าตั๋วหนัง  15 บาทแล้ว เราก็เข้าไปนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้นั่งแบบชายหาด ดูหนังที่ตั้งใจกันไว้ หนังสนุกมาก ดูแล้วอยากเข้าห้องน้ำให้สบายตัว พอหนังจบเราก็แยกย้ายกันกลับที่พัก ระหว่างทางก็ผ่านทุ่งคล้าย ๆ ทุ่งนา มีต้นธูปฤาษีขึ้นเต็มไปหมด หิ่งห้อยบินกันระยิบระยับ อากาศสบายๆ ลมพัดเฉื่อย ๆ  ผมว่าหิ่งห้อยมันดูสวยกว่าที่เค้าแห่กันไปดูที่แม่กลองซะอีกนะ
          รุ่งเช้า ผมเจอหน้ายุ้ย ซึ่งยุ้ยมันก็วิจารณ์หนังที่ดูเมื่อคืนไปตามเรื่อง กูว่า มันไม่ใช่จุดโฟกัสว่ะ ดูแล้วไม่ได้อารมณ์เท่าที่ควร  มันน่าจะเห็นจริง ๆ นะ  แหมยุ้ย จะเอาอะไรนักหนา 15  บาทเอง มาให้ดูถึงที่ แค่นี้ก็ดีแล้ว สมโภชน์พูดเสียงดังอีกแล้ว สมโภชน์นี่ผมว่าเขาไม่เหมาะมาเป็นนักเคมีหรอก อย่างสมโภชน์น่าจะไปเป็นพ่อค้ามากกว่า ในหัวมีแต่ กำไร-ขาดทุนตลอดเวลา ธีรพลก็เสริมมาว่า ผมว่านะ ไปดูที่นนทบุรีดีกว่านี้อีกธีรพล แฟนพันธุ์แท้ผู้นั่งรถไปกลับ ดอนเมือง-เมืองนนท์ 4 ชั่วโมงเพื่อดูหนัง 1 ชั่วโมงครึ่งพูดขึ้นมา  ผมได้แต่ฟัง ไม่ออกความคิดเห็น  แต่ก็ถามกลับไปว่า  แล้วคราวหน้าถ้ามาให้ดูอีก จะไปดูกันหรือเปล่า  ไปสิ อย่าลืมชวนผมด้วยนะ  ต้องซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ตอบออกมาอย่างมั่นใจ  ผม,สมโภชน์,ยุ้ย,ธีรพล เมื่อได้ยินต่างก็มองหน้ากันแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย



25 กรกฎาคม 2554
ต้นจำปูนหลังบ้าน