คุณเคยทำอะไรโดยไม่ได้ตั้งใจบ้างหรือเปล่า
สำหรับผมแล้วเมื่อยังเด็ก ๆ มีอยู่ครั้งมีอยู่ครั้งนึง ผมเล่นดินที่เป็นดินลูกรัง
โดยการเอาดินลูกรังมาผสมน้ำในกะลา จากนั้นก็เอามือเล็ก ๆ ของผม (เล็ก จริง ๆ )
ซึ่งเป็นมือของเด็กอายุไม่เกิน 8 ขวบขยำ ๆ เล่น
ทำให้มือผมแดงไปทั้ง 2 มือ จากนั้นผมก็เอามือไปทาบกำแพงให้เป็นรอยมือ
ตอนนั้นทำไปโดยไม่รู้ประสีประสา จำได้ว่าเป็นรอยมือข้างขวา ผมประทับรอยมือผมไว้บนผนังบ้านที่เป็นปูนที่ฉาบสีขาวด้านนอก
ทำให้เห็นเป็นรอย เล็ก ๆ 2 รอย อยู่บนกำแพง
ผมจำไม่ได้ว่าทำไมถึงทำ รู้แต่ว่า เล่นซนสนุก ๆ
ไปอย่างนั้นเอง นานกว่า 20 ปีที่ผมได้บังเอิญไปเห็น
รอยมือนั้นอีกครั้ง แปลกใจที่รอยมือเล็กๆ นั้นยังปรากฏอยู่ที่เดิม ซึ่งอาจจะไม่ชัดเจนไปบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าเป็นฝีมือผมสมัยยังเด็ก
ๆ แน่ ผมกางมือผมไปทาบที่รอยมือเล็ก ๆ นั้น ผมมีความสุขอย่างประหลาด
มือผมใหญ่ขึ้นมากเลย เมื่อเทียบกับมือน้อย ๆ นั้น
พลันก็นึกถึงวันเก่า ๆ
ที่เล่นซนตามประสาเด็ก ๆ รู้สึกว่าผมทำไปด้วยความซนแต่
อย่างน้อยสิ่งที่เหลือมามันทำให้ผมมีความสุข ผมอาจจะเอาอะไรในอดีตกลับมาไม่ได้ แต่ความรู้สึกสมัยเด็กมันยังลอยวนอยู่ในหัวใจและนึกออกว่าวัยเด็กผมก็เป็นเด็กที่ร่าเริง
มีความสุขมาก ๆ กับเค้าคนหนึ่งเหมือนกัน
ในวันที่ผมเลยวัยเด็กมานานแล้ว
ได้มีโอกาสทำงานที่กรุงเทพฯ ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปไปเรื่อย ๆ
เพื่อนวัยเดียวกันกับผมก็ทยอยมีครอบครัวไปกันจนเกือบหมด
บางคนก็มีไอ้ตัวเล็กออกมาให้ชื่นใจ น้องสาวก็มีเจ้าตัวเล็กชื่อน้องปูนมาให้ผมเล่นแก้เหงาเหมือนกัน
วันหนึ่งผมกลับบ้านพ่อแม่ที่ระยอง ไปเจอลายมือเด็กตัวเล็ก ๆ ใช้สีเทียน ดินสอสี เขียนตามผนังบ้าน พัดลม
ตู้เย็น พื้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มือเล็ก ๆ จะเอื้อมถึง ผมดูแล้วรู้สึกรกหูรกตาไปหมด
ก็ได้นึกแปลกใจว่า ทำไมน้องสาวผมจึงไม่บอก ไม่สอนให้ลูกสาวเค้า รู้ว่าควรจะเขียน
จะระบายสีที่ไหน ไม่ใช่มาทำให้บ้านแลดูสกปรกดังที่ปรากฏ ด้วยความโกรธผมจึงเดินไปหาน้องสาว ระหว่างทางที่เดินไปหาน้องสาว
น้องปูนก็กำลังใช้สีเทียนเขียนไปตามโทรทัศน์อย่างขมักเขม้น เมื่อเห็นภาพนั้นแล้วผมรู้สึกสะดุดตา
นึกไปถึงภาพตัวเองในวัยเด็ก ที่ใช้มือน้อย ๆ ชุบดินแดงผสมน้ำ แล้วก็ทาบไปตามผนังด้านนอกตัวบ้าน
ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนมีอะไรวิ่งมาจุกในลำคอ
ความโกรธเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่ามันแล่นหนีไปอยู่ที่ไหน มีแต่ความหลังครั้งที่ยังเล่นซนมันมาโลดแล่นอยู่ในหัวเต็มไปหมด
ผมเดินตรงมาที่หลานสาว อุ้มเค้ามากอดแนบอก แอบน้ำตาซึมให้กับความโง่เขลาของตัวเอง
นึกเสียใจที่เป็นคนเอาแต่อารมณ์ตัวเอง ไม่ยอมเข้าใจโลกคนอื่นเสียบ้างเลย
ทำให้มองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัวไป ทั้งครอบครัว คนที่รัก เพื่อน บางทีก็นึกเสียใจที่ทำให้คนรอบข้างที่รักผมเศร้าใจ
ทุกข์ใจไปกับความไม่ได้เรื่องของผมเอง ตั้งแต่นั้นเลยได้แต่สัญญากับตัวเองว่า
จะเปิดดวงตาให้กว้างขึ้น มองทุกอย่างอย่างใช้สติ ใช้เหตุผล ก่อนที่จะหุนหันพลันแล่นทำอะไรลงไป
ต้นจำปูนหลังบ้าน
31 พฤษภาคม 2554