วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รอยมือบนผนัง

                    คุณเคยทำอะไรโดยไม่ได้ตั้งใจบ้างหรือเปล่า สำหรับผมแล้วเมื่อยังเด็ก ๆ มีอยู่ครั้งมีอยู่ครั้งนึง ผมเล่นดินที่เป็นดินลูกรัง โดยการเอาดินลูกรังมาผสมน้ำในกะลา จากนั้นก็เอามือเล็ก ๆ ของผม (เล็ก จริง ๆ ) ซึ่งเป็นมือของเด็กอายุไม่เกิน 8 ขวบขยำ ๆ เล่น ทำให้มือผมแดงไปทั้ง 2 มือ จากนั้นผมก็เอามือไปทาบกำแพงให้เป็นรอยมือ ตอนนั้นทำไปโดยไม่รู้ประสีประสา จำได้ว่าเป็นรอยมือข้างขวา  ผมประทับรอยมือผมไว้บนผนังบ้านที่เป็นปูนที่ฉาบสีขาวด้านนอก ทำให้เห็นเป็นรอย เล็ก ๆ 2 รอย อยู่บนกำแพง ผมจำไม่ได้ว่าทำไมถึงทำ  รู้แต่ว่า เล่นซนสนุก ๆ ไปอย่างนั้นเอง  นานกว่า 20 ปีที่ผมได้บังเอิญไปเห็น รอยมือนั้นอีกครั้ง แปลกใจที่รอยมือเล็กๆ นั้นยังปรากฏอยู่ที่เดิม  ซึ่งอาจจะไม่ชัดเจนไปบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าเป็นฝีมือผมสมัยยังเด็ก ๆ แน่ ผมกางมือผมไปทาบที่รอยมือเล็ก ๆ นั้น   ผมมีความสุขอย่างประหลาด มือผมใหญ่ขึ้นมากเลย เมื่อเทียบกับมือน้อย ๆ นั้น   พลันก็นึกถึงวันเก่า ๆ ที่เล่นซนตามประสาเด็ก ๆ  รู้สึกว่าผมทำไปด้วยความซนแต่ อย่างน้อยสิ่งที่เหลือมามันทำให้ผมมีความสุข  ผมอาจจะเอาอะไรในอดีตกลับมาไม่ได้ แต่ความรู้สึกสมัยเด็กมันยังลอยวนอยู่ในหัวใจและนึกออกว่าวัยเด็กผมก็เป็นเด็กที่ร่าเริง มีความสุขมาก ๆ กับเค้าคนหนึ่งเหมือนกัน

                             ในวันที่ผมเลยวัยเด็กมานานแล้ว  ได้มีโอกาสทำงานที่กรุงเทพฯ  ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปไปเรื่อย ๆ  เพื่อนวัยเดียวกันกับผมก็ทยอยมีครอบครัวไปกันจนเกือบหมด บางคนก็มีไอ้ตัวเล็กออกมาให้ชื่นใจ น้องสาวก็มีเจ้าตัวเล็กชื่อน้องปูนมาให้ผมเล่นแก้เหงาเหมือนกัน    วันหนึ่งผมกลับบ้านพ่อแม่ที่ระยอง   ไปเจอลายมือเด็กตัวเล็ก ๆ ใช้สีเทียน ดินสอสี เขียนตามผนังบ้าน พัดลม ตู้เย็น พื้น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มือเล็ก ๆ จะเอื้อมถึง  ผมดูแล้วรู้สึกรกหูรกตาไปหมด ก็ได้นึกแปลกใจว่า ทำไมน้องสาวผมจึงไม่บอก ไม่สอนให้ลูกสาวเค้า รู้ว่าควรจะเขียน จะระบายสีที่ไหน  ไม่ใช่มาทำให้บ้านแลดูสกปรกดังที่ปรากฏ  ด้วยความโกรธผมจึงเดินไปหาน้องสาว ระหว่างทางที่เดินไปหาน้องสาว น้องปูนก็กำลังใช้สีเทียนเขียนไปตามโทรทัศน์อย่างขมักเขม้น เมื่อเห็นภาพนั้นแล้วผมรู้สึกสะดุดตา นึกไปถึงภาพตัวเองในวัยเด็ก ที่ใช้มือน้อย ๆ ชุบดินแดงผสมน้ำ แล้วก็ทาบไปตามผนังด้านนอกตัวบ้าน ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนมีอะไรวิ่งมาจุกในลำคอ ความโกรธเมื่อสักครู่ไม่รู้ว่ามันแล่นหนีไปอยู่ที่ไหน มีแต่ความหลังครั้งที่ยังเล่นซนมันมาโลดแล่นอยู่ในหัวเต็มไปหมด ผมเดินตรงมาที่หลานสาว อุ้มเค้ามากอดแนบอก แอบน้ำตาซึมให้กับความโง่เขลาของตัวเอง นึกเสียใจที่เป็นคนเอาแต่อารมณ์ตัวเอง ไม่ยอมเข้าใจโลกคนอื่นเสียบ้างเลย ทำให้มองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่รอบตัวไป ทั้งครอบครัว คนที่รัก เพื่อน บางทีก็นึกเสียใจที่ทำให้คนรอบข้างที่รักผมเศร้าใจ ทุกข์ใจไปกับความไม่ได้เรื่องของผมเอง ตั้งแต่นั้นเลยได้แต่สัญญากับตัวเองว่า จะเปิดดวงตาให้กว้างขึ้น มองทุกอย่างอย่างใช้สติ ใช้เหตุผล ก่อนที่จะหุนหันพลันแล่นทำอะไรลงไป


ต้นจำปูนหลังบ้าน

31 พฤษภาคม 2554